Samsung เปิดเผย Exynos 2600 ชิปเซตใหม่ ทดสอบได้คะแนน Geekbench สูงถึง 7,788 – เตรียมใช้ใน Galaxy S26

Exclusive โทรศัพท์มือถือ

Samsung ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาชิปเซตแห่งอนาคต หลังจากเพิ่งเปิดตัว Exynos 2500 ไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ล่าสุดก็มีการเปิดเผยผลการทดสอบของชิปเซตรุ่นถัดไปอย่าง Exynos 2600 บนแพลตฟอร์ม Geekbench ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเทคโนโลยีทั่วโลก ด้วยสเปกที่น่าประทับใจและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากรุ่นก่อนหน้า

ความก้าวหน้าจาก Exynos 2500 สู่ Exynos 2600

Samsung ได้เปิดตัว Exynos 2500 เมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งเป็นชิปเซตที่ผลิตด้วยกระบวนการ 3 นาโนเมตรแบบ Gate All Around (GAA) ที่ทันสมัย ชิปเซตรุ่นนี้มาพร้อมกับแกนซีพียู 10 คอร์ และความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 3.30 GHz ซึ่งได้รับการติดตั้งในสมาร์ตโฟนพับจอได้ดีไซน์ฝาพับรุ่นใหม่อย่าง Galaxy Z Flip7 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาด

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดชิปเซตสมาร์ตโฟนยังคงดุเดือดอย่างต่อเนื่อง Samsung จึงไม่หยุดพัฒนาและเตรียมเปิดตัวชิปเซตที่มีความพรีเมียมมากขึ้นอย่าง Exynos 2600 ซึ่งคาดว่าจะเป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ตโฟนเรือธงซีรีส์ Galaxy S26 ที่กำหนดเปิดตัวในต้นปี 2026

การเปิดเผยผลทดสอบบน Geekbench

ความน่าสนใจของ Exynos 2600 เพิ่มขึ้นเมื่อ Geekbench ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพสมาร์ตโฟนที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ได้เปิดเผยผลการทดสοบของชิปเซตรุ่นใหม่นี้ ซึ่งได้รับการติดตั้งในอุปกรณ์ทดสอบที่มีหมายเลขรุ่น S5E9965

การปรากฏของข้อมูลนี้บน Geekbench เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Samsung กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบที่เข้มข้นมากขึ้น และอาจใกล้เคียงกับการผลิตในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่รอคอยสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung

สเปกโดดเด่นของ Exynos 2600

จากผลการทดสοบที่เปิดเผยนี้ ทำให้เราทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมภายในของ Exynos 2600 ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยชิปเซตรุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้มีแกนซีพียูทั้งหมด 10 คอร์ ซึ่งถูกจัดเรียงในรูปแบบ 1+3+6 และมาพร้อมกับชิปกราฟิก 1 ตัว

แกนซีพียูระดับ Prime จำนวน 1 คอร์ แกนหลักของ Exynos 2600 คือแกนซีพียูระดับ Prime ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 3.55 GHz ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3.30 GHz ของ Exynos 2500 อย่างเห็นได้ชัด แกนนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก การประมวลผลวิดีโอความละเอียดสูง และแอปพลิเคชันที่ต้องการการประมวลผลเข้มข้น

แกนซีพียูระดับ Performance จำนวน 3 คอร์ แกนซีพียูระดับ Performance ทั้ง 3 คอร์ มีความเร็วสูงสุด 2.96 GHz ซึ่งทำหน้าที่จัดการกับงานประมวลผลทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การใช้แอปพลิเคชันหลายตัวพร้อมกัน การถ่ายและแก้ไขภาพ และการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว

แกนซีพียูระดับ Efficiency จำนวน 6 คอร์ แกนซีพียูระดับ Efficiency ทั้ง 6 คอร์ มีความเร็วสูงสุด 2.46 GHz ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการกับงานประมวลผลทั่วไปแบบประหยัดพลังงาน เช่น การใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐาน การเล่นเพลง การส่งข้อความ และการใช้งานในโหมดเดิมที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูง

ชิปกราฟิก Xclipse 960 นอกจากซีพียูแล้ว Exynos 2600 ยังมาพร้อมกับชิปกราฟิก Xclipse 960 ที่ Samsung พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งคาดว่าจะให้ประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับการเล่นเกม การแสดงผลวิดีโอ และการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการกราฟิกเข้มข้น

รายละเอียดการทดสอบและผลลัพธ์

อุปกรณ์ทดสοบที่มีหมายเลขรุ่น S5E9965 ได้รับการติดตั้งด้วยแรมความจุ 12 GB และทำงานบนซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ Android 16 ซึ่งจะครอบด้วยซอฟต์แวร์ One UI 8 ของ Samsung การใช้แรม 12 GB นี้แสดงให้เห็นว่า Samsung กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานที่หนักหน่วงและต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่

ผลการทดสอบ Single-Core ในการทดสอบการประมวลผลแบบแกนเดียว (Single-Core) Exynos 2600 ได้คะแนน 2,155 คะแนน ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจและแสดงให้เห็นถึงความแรงของแกน Prime ที่มีความเร็วสูงถึง 3.55 GHz

ผลการทดสอบ Multi-Core สำหรับการทดสοบการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) Exynos 2600 ได้คะแนนสูงถึง 7,788 คะแนน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของแกนซีพียูทั้ง 10 คอร์ ที่สามารถจัดการกับงานประมวลผลที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเปรียบเทียบกับชิปเซตรุ่นอื่น

เมื่อเปรียบเทียบกับชิปเซตรุ่นก่อนหน้าและคู่แข่ง จะเห็นได้ชัดเจนว่า Exynos 2600 มีการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด

เปรียบเทียบกับ Exynos 2500 ผลการทดสοบของ Exynos 2600 สูงกว่า Exynos 2500 ที่ติดตั้งใน Samsung Galaxy Z Flip7 อย่างชัดเจน โดย Exynos 2500 ได้คะแนน Single-Core ที่ 2,099 คะแนน และ Multi-Core ที่ 7,433 คะแนน

การเปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นว่า Exynos 2600 มีประสิทธิภาพการประมวลผลแบบแกนเดียวเพิ่มขึ้นประมาณ 2.7% และประสิทธิภาพการประมวลผลแบบหลายแกนเพิ่มขึ้นประมาณ 4.8% ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงที่เห็นได้ชัดในรุ่นใหม่

การแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite แม้ว่า Exynos 2600 จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงตามหลังชิปเซต Snapdragon 8 Elite ของ Qualcomm ที่ติดตั้งใน Galaxy Z Fold 7 ซึ่งได้คะแนน Single-Core ที่ 2,910 คะแนน และ Multi-Core ที่ 9,152 คะแนน

ช่องว่างนี้แสดงให้เห็นว่า Samsung ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแข่งขันกับ Qualcomm ได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาด้วยว่าชิปเซตที่ทดสοบยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และเวอร์ชันสุดท้ายอาจมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ศักยภาพในการพัฒนาต่อ

สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้คือ Exynos 2600 ที่ปรากฏในการทดสοบครั้งนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และยังไม่ใช่เวอร์ชันสุดท้ายที่จะได้รับการติดตั้งในอุปกรณ์ที่พร้อมวางจำหน่าย Samsung มีประวัติในการปรับปรุงประสิทธิภาพของชิปเซตอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นตอนการผลิตจริง

ดังนั้น คาดว่าชิปเซตเวอร์ชันสุดท้ายจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ปรากฏในการทดสοบครั้งนี้ ทั้งในด้านความเร็วการประมวลผล การประหยัดพลังงาน และความเสถียรในการทำงาน

แผนการใช้งานใน Galaxy S26 Series

ข้อมูลจาก Bloomberg สำนักข่าว Bloomberg ซึ่งเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ได้รายงานเกี่ยวกับแผนการใช้งาน Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยระบุว่า Samsung จะใช้กลยุทธ์การแบ่งใช้ชิปเซตที่แตกต่างกันในรุ่นต่างๆ

Galaxy S26 รุ่นมาตรฐาน Samsung จะติดตั้ง Exynos 2600 ใน Galaxy S26 รุ่นมาตรฐาน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจ เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า Samsung มีความมั่นใจในประสิทธิภาพของชิปเซตที่พัฒนาเอง และต้องการลดการพึ่งพา Qualcomm ในบางส่วนของไลน์อัพ

Galaxy S26 Edge และ Galaxy S26 Ultra สำหรับรุ่น Galaxy S26 Edge ซึ่งจะมาแทนไลน์อัพ Plus และ Galaxy S26 Ultra Samsung จะยังคงใช้ Snapdragon 8 Elite ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Samsung ยังคงเห็นว่า Qualcomm มีความได้เปรียบในด้านประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับรุ่นพรีเมียม

ความหมายทางธุรกิจ

การใช้งานแบบผสมผสานนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ซับซ้อนของ Samsung ในการสร้างสมดุลระหว่างการลดต้นทุน การพึ่งพาตนเอง และการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้

กำหนดการเปิดตัวและความคาดหวัง

Galaxy S26 Series กำหนดจะเปิดตัวในเดือนมกราคม 2026 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ Samsung มักจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงประจำปี การเปิดตัวในช่วงต้นปี จะทำให้ Samsung สามารถตั้งโทนและสร้างความคาดหวังให้กับตลาดสมาร์ตโฟนตลอดทั้งปี

ความคาดหวังจากตลาด ตลาดมีความคาดหวังสูงต่อ Galaxy S26 Series โดยเฉพาะในด้านประสิทธิภาพของ Exynos 2600 หากชิปเซตรุ่นใหม่นี้สามารถทำผลงานได้ตามที่คาดหวัง อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการแข่งขันระหว่าง Samsung และ Qualcomm ในตลาดชิปเซตสมาร์ตโฟน

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม

การแข่งขันในตลาดชิปเซต การเปิดตัว Exynos 2600 จะช่วยเพิ่มความหลากหลายในตลาดชิปเซตสมาร์ตโฟน และอาจกดดันให้ Qualcomm ต้องพัฒนาประสิทธิภาพและปรับลดราคาเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน

ผู้บริโภคได้ประโยชน์ การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลดีต่อผู้บริโภค ที่จะได้รับสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ราคาที่เหมาะสมกว่า และตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น

บทสรุป

การปรากฏของ Samsung Exynos 2600 บน Geekbench เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของชิปเซตที่ Samsung พัฒนาเอง แม้ว่าจะยังไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้อย่างเต็มที่ แต่การปรับปรุงประสิทธิภาพที่เห็นได้ชัดจาก Exynos 2500 แสดงให้เห็นว่า Samsung กำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ด้วยสถาปัตยกรรม 10 คอร์ในรูปแบบ 1+3+6 ความเร็วสูงสุด 3.55 GHz และชิปกราฟิก Xclipse 960 ที่พัฒนาเอง Exynos 2600 มีศักยภาพที่จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน Galaxy S26 รุ่นมาตรฐาน

การที่ Samsung เลือกใช้ Exynos 2600 ในรุ่นมาตรฐานและ Snapdragon 8 Elite ในรุ่นพรีเมียม แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่สมดุลระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองและการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งในที่สุดแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

สำหรับผู้ที่รอคอย Galaxy S26 การเปิดตัวในเดือนมกราคม 2026 จะเป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัสกับเทคโนโลยีล่าสุดจาก Samsung และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Exynos 2600 กับชิปเซตคู่แข่งในสถานการณ์การใช้งานจริง