Samsung เปิดตัวเทคโนโลยีปฏิวัติ One UI 8 พร้อมระบบตรวจจับการหลอกลวงทางเสียงด้วย AI ป้องกันมิจฉาชีพใช้เสียงโคลนหลอกโอนเงิน

Exclusive ไอที

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Samsung ได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้สมาร์ทโฟนจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เกิดจากการใช้ AI ในทางที่ผิด ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับการหลอกลวงทางโทรศัพท์ (Voice Phishing Detection) ในระบบปฏิบัติการ One UI 8 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เทคโนโลยีการโคลนนิ่งเสียงเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง

ภัยคุกคามใหม่จากเทคโนโลยี AI: เมื่อเสียงที่คุ้นเคยกลายเป็นกับดัก

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีเดียวกันนี้ก็ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีการโคลนนิ่งเสียง (Voice Cloning) ที่สามารถจำลองเสียงของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้อย่างแม่นยำเพียงจากการได้ยินเสียงต้นฉบับเพียงไม่กี่วินาที

มิจฉาชีพได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการหลอกลวงผู้คนโดยการปลอมเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือบุคคลใกล้ชิด แล้วโทรหาเหยื่อด้วยข้ออ้างว่ากำลังประสบปัญหาหรือเดือดร้อนเร่งด่วน เช่น ประสบอุบัติเหตุ ถูกจับกุม หรือต้องการเงินเพื่อใช้ในเหตุฉุกเฉิน จากนั้นจะขอให้ผู้ถูกหลอกโอนเงินไปยังบัญชีที่กำหนด

รูปแบบการหลอกลวงแบบนี้มีความน่าเชื่อถือสูงมาก เนื่องจากผู้ถูกหลอกจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยและเชื่อว่าเป็นเสียงของคนที่ตนรักใคร่ ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อและสูญเสียเงินทองนับล้านบาท ปัญหานี้ได้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

Samsung One UI 8: ตอบโต้ AI ด้วย AI

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว Samsung ได้พัฒนาระบบตรวจจับการหลอกลวงทางโทรศัพท์ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยี AI เช่นเดียวกัน แต่นำมาใช้ในการป้องกันแทนการโจมตี ฟีเจอร์ Voice Phishing Detection ใน One UI 8 นี้ถือเป็นนวัตกรรมแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการตรวจจับเสียงที่ถูกสร้างขึ้นโดย AI แบบเรียลไทม์ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์

ความพิเศษของระบบนี้อยู่ที่การทำงานแบบออนไลน์ (On-device Processing) ซึ่งหมายความว่าการวิเคราะห์เสียงจะเกิดขึ้นภายในตัวเครื่องโดยไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก จึงรับประกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ในระดับสูงสุด

การร่วมมือกับหน่วยงานราชการ: ความน่าเชื่อถือจากข้อมูลจริง

สิ่งที่ทำให้ฟีเจอร์นี้มีประสิทธิภาพสูงคือการที่ Samsung ได้ร่วมมือกับหน่วยงานราชการของเกาหลีใต้ในการพัฒนาระบบ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี (Korea National Police Agency) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Institute of Scientific Investigation) ซึ่งได้ให้ข้อมูลกรณีการหลอกลวงจริงนับพันเคสเพื่อใช้ในการฝึกสอนระบบ AI ให้สามารถแยกแยะเสียงจริงและเสียงปลอมได้อย่างแม่นยำ

การใช้ข้อมูลจากกรณีจริงทำให้ระบบสามารถเรียนรู้รูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย ตั้งแแต่เทคนิคการพูด โทนเสียง รูปแบบประโยค ไปจนถึงคำศัพท์ที่มิจฉาชีพมักใช้ในการหลอกลวง ทำให้ระบบมีความแม่นยำในการตรวจจับสูงถึง 95% ตามผลการทดสอบเบื้องต้น

วิธีการใช้งาน: ง่ายและสะดวกสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ

การเปิดใช้งานฟีเจอร์ Voice Phishing Detection ทำได้ง่ายดายผ่านการตั้งค่าในแอปโทรศัพท์ของสมาร์ทโฟน Samsung ที่รองรับ One UI 8 โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปที่เมนูการตั้งค่า แล้วมองหาตัวเลือก “การแจ้งเตือนสายที่ต้องสงสัยว่าเป็น Voice Phishing” (Voice Phishing Suspected Call Notification) และเปิดใช้งานได้ทันที

เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่ผู้ใช้รับสายจากหมายเลขที่ไม่รู้จักหรือไม่ได้บันทึกไว้ในสมุดโทรศัพท์ หน้าจอจะแสดงป๊อปอัป “กำลังตรวจจับ” เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าระบบกำลังฟังและวิเคราะห์เสียงในสายนั้นๆ เพื่อตรวจหาการใช้เทคโนโลยี AI ในการปลอมแปลงเสียง

กระบวนการวิเคราะห์นี้เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์และไม่รบกวนการสนทนา ผู้ใช้สามารถพูดคุยได้ตามปกติ ในขณะที่ระบบจะทำการวิเคราะห์อยู่เบื้องหลัง

ระบบการเตือนแบบสองระดับ: ความแม่นยำและความปลอดภัย

ฟีเจอร์ Voice Phishing Detection มีการแบ่งระดับการเตือนออกเป็นสองระดับตามความเสี่ยงที่ตรวจพบ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม

ระดับแรก: “ต้องสงสัย” (Suspected) ระบบจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบสัญญาณที่อาจเป็นการใช้เทคโนโลยี AI ในการปลอมแปลงเสียง แต่ยังไม่แน่ใจเพียงพอ ในกรณีนี้ ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบตัวตนของผู้โทรโดยการถามคำถามที่เฉพาะผู้ที่อ้างว่าเป็นเท่านั้นที่จะทราบ หรือขอให้โทรกลับมาใหม่เพื่อยืนยันตัวตน

ระดับสอง: “ตรวจพบ” (Detected) เมื่อระบบมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินถูกสร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี AI ระบบจะส่งการเตือนที่ชัดเจนว่าเป็นสายหลอกลวง (Phishing Call) พร้อมทั้งให้คำแนะนำให้ผู้ใช้วางสายทันทีและไม่ให้ข้อมูลใดๆ

การแจ้งเตือนแบบครอบคลุม: ไม่พลาดทุกสถานการณ์

เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะได้รับการเตือนในทุกสถานการณ์ ระบบได้ออกแบบการแจ้งเตือนให้ครอบคลุมทั้งการแจ้งเตือนทางภาพและเสียง หากระบบตรวจพบเสียงที่สร้างโดย AI สมาร์ทโฟนจะสั่นและส่งเสียงเตือนพร้อมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนแม้ว่าจะไม่ได้มองหน้าจอในขณะนั้น

นอกจากนี้ ระบบยังมีการบันทึกประวัติการโทรที่มีการตรวจพบการหลอกลวง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือเตือนผู้อื่นเกี่ยวกับหมายเลขที่อาจเป็นอันตรายได้

ข้อจำกัดปัจจุบันและแผนการขยายในอนาคต

แม้ว่าฟีเจอร์ Voice Phishing Detection จะเป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดที่สำคัญคือสามารถใช้งานได้เฉพาะในประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากระบบได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลเสียงภาษาเกาหลีและรูปแบบการหลอกลวงที่เฉพาะเจาะจงในบริบทของประเทศเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม Samsung ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยบริษัทกำลังมองหาการร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลการหลอกลวงในภาษาท้องถิ่นและฝึกฝนระบบให้สามารถตรวจจับการหลอกลวงในรูปแบบและภาษาที่หลากหลาย

สำหรับประเทศไทย คาดว่าจะต้องมีการร่วมมือกับหน่วยงานอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อรวบรวมข้อมูลและพัฒนาระบบให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภค

การเปิดตัวฟีเจอร์ Voice Phishing Detection ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการป้องกันการหลอกลวงโดยตรง ซึ่งคาดว่าจะสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ ต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค

สำหรับผู้บริโภค ฟีเจอร์นี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้สมาร์ทโฟน โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง นอกจากนี้ยังอาจช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการหลอกลวงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ข้อควรระวังและคำแนะนำสำหรับผู้ใช้

แม้ว่าเทคโนโลยี Voice Phishing Detection จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ผู้ใช้ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังและไม่ควรพึ่งพาเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ยังคงปฏิบัติตามหลักการป้องกันการหลอกลวงแบบดั้งเดิม เช่น ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินผ่านทางโทรศัพท์ การยืนยันตัวตนก่อนโอนเงิน และการรายงานสายที่น่าสงสัยต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ผู้ใช้ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อให้ได้รับฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบตรวจจับ

อนาคตของการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์

ฟีเจอร์ Voice Phishing Detection ของ Samsung เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการใช้เทคโนโลยี AI ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ ในอนาคต คาดว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและครอบคลุมมากขึ้น เช่น การตรวจจับข้อความหลอกลวง การระบุการปลอมแปลงวิดีโอ หรือการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในรูปแบบอื่นๆ

การแข่งขันในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในท้ายที่สุด เนื่องจากจะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี

การเปิดตัวฟีเจอร์ Voice Phishing Detection ใน Samsung One UI 8 จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเทคโนโลยีเดียวกันนั้นเอง แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถเป็นทั้งปัญหาและคำตอบได้ในเวลาเดียวกัน หากเราใช้อย่างชาญฉลาดและมีจุดมุ่งหมายที่ถูกต้อง