Redmi เปิดตัว Note 14 SE 5G สมาร์ตโฟนราคาประหยัดรุ่นใหม่พร้อมหน้าจอ AMOLED และชิป MediaTek Dimensity 7025 Ultra

Exclusive ไอที

บริษัท Redmi แบรนด์ในเครือ Xiaomi ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ Note 14 อย่างเป็นทางการที่ประเทศอินเดีย ภายใต้ชื่อ Redmi Note 14 SE 5G ซึ่งเป็นการเสริมแกร่งไลน์อัพสมาร์ตโฟนในกลุ่มราคาประหยัดของบริษัท โดยมาพร้อมกับสเปกที่น่าสนใจในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และคาดว่าจะสามารถแข่งขันได้ดีในตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลางล่างที่มีการแข่งขันสูง

การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Redmi ในการขยายฐานลูกค้าในตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสมาร์ตโฟนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง Redmi Note 14 SE 5G นำเสนอคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับ Redmi Note 14 5G ที่เปิดตัวในปี 2024 แต่มาพร้อมกับการปรับปรุงในด้านต่างๆ และมีสีใหม่ที่เรียกว่า Crimson Art ซึ่งให้ความรู้สึกที่หรูหราและทันสมัย

หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz

จุดเด่นแรกของ Redmi Note 14 SE 5G คือการติดตั้งแผงหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ที่ให้ความคมชัดระดับ Full HD+ ด้วยความละเอียด 1,080 × 2,400 พิกเซล ซึ่งมอบประสบการณ์การรับชมที่สดใสและคมชัดในทุกเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง เล่นเกม หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ

หน้าจอนี้มาพร้อมกับรีเฟรชเรตที่ปรับได้หลายระดับ ได้แก่ 60Hz, 90Hz และ 120Hz ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติตามประเภทของเนื้อหาที่ใช้งาน เมื่อเล่นเกมหรือเลื่อนดูเนื้อหาต่างๆ ระบบจะใช้รีเฟรชเรต 120Hz เพื่อให้การแสดงผลการเคลื่อนไหวของภาพมีความนุ่มนวลและไหลลื่นที่สุด ในขณะที่การใช้งานธรรมดาจะใช้รีเฟรชเรตที่ต่ำกว่าเพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่

นอกจากนี้ หน้าจอยังมีอัตราตอบสนองต่อการสัมผัสที่รวดเร็วมากถึง 2,160Hz ทำให้การควบคุมและการโต้ตอบกับหน้าจอมีความไวและแม่นยำสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นเกมที่ต้องการความแม่นยำในการควบคุม ขณะเดียวกันหน้าจอยังสามารถแสดงความสว่างสูงสุดได้ถึง 2,100 Nit ทำให้สามารถมองเห็นเนื้อหาได้ชัดเจนแม้ในสภาพแสงแดดจัด และรองรับการแสดงสีในระดับ 10 บิต ที่ให้ช่วงสีที่กว้างและสีสันที่สมจริงมากขึ้น

สำหรับการป้องกันหน้าจอ Redmi ได้เลือกใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่มีความทนทานสูงต่อการกระแทกและรอยขีดข่วน ช่วยปกป้องหน้าจอจากความเสียหายในการใช้งานประจำวัน

ประสิทธิภาพแกร่งด้วยชิป MediaTek Dimensity 7025 Ultra

ในส่วนของการประมวลผล Redmi Note 14 SE 5G ได้รับการติดตั้งชิปเซต MediaTek Dimensity 7025 Ultra ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีกระบวนการผลิต 6 นาโนเมตร ซึ่งช่วยให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นและประหยัดพลังงานมากกว่าชิปเซตที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีรุ่นเก่า

ชิปเซตนี้ประกอบด้วยแกนซีพียู (CPU) จำนวน 8 คอร์ ที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ แกน Cortex-A78 จำนวน 2 คอร์ ที่มีความเร็วสูงสุด 2.5GHz สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การเล่นเกมหรือการประมวลผลที่ซับซ้อน และแกน Cortex-A55 จำนวน 6 คอร์ ที่มีความเร็วสูงสุด 2.0GHz สำหรับงานทั่วไปที่ใช้พลังงานน้อย เช่น การใช้แอปพลิเคชันธรรมดาหรือการเปิดเว็บไซต์

สำหรับส่วนกราฟิก มีชิปประมวลผลกราฟิก (GPU) IMG BXM-8-256 ที่มีความเร็วสูงสุด 900MHz ซึ่งสามารถรองรับการเล่นเกมและการประมวลผลกราฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การเล่นเกมมือถือยอดนิยมต่างๆ มีความลื่นไหลและภาพกราฟิกที่สวยงาม

ชิปเซตจะทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม LPDDR4X ความจุ 6GB ที่ช่วยให้สามารถเปิดใช้แอปพลิเคชันหลายตัวพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 2.2 ความจุ 128GB ที่มีความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลสูง ทำให้การเปิดแอปพลิเคชันและการโหลดไฟล์ต่างๆ มีความรวดเร็ว

ระบบปฏิบัติการ HyperOS บน Android 15

Redmi Note 14 SE 5G ทำงานบนระบบปฏิบัติการ HyperOS ที่ Xiaomi พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Android 15 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการจาก Google HyperOS นำเสนอส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ใหม่และปรับปรุงให้มีความใช้งานง่ายมากขึ้น พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน

ระบบปฏิบัติการนี้มาพร้อมกับการปรับแต่งที่เหมาะสมสำหรับฮาร์ดแวร์ของ Redmi Note 14 SE 5G ทำให้การทำงานของระบบมีความเสถียรและราบรื่น รวมถึงการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

ระบบกล้อง 4 ตัว ครบครันทุกการใช้งาน

ด้านการถ่ายภาพ Redmi Note 14 SE 5G มาพร้อมกับระบบกล้องจำนวน 4 ตัว ที่ครอบคลุมการใช้งานในทุกสถานการณ์ โดยเริ่มต้นจากกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซนเซอร์ภาพ Sony LYT-600 ขนาด 1/1.95 นิ้ว ซึ่งเป็นเซนเซอร์ขนาดใหญ่ที่สามารถรับแสงได้มากกว่าเซนเซอร์ทั่วไป

กล้องหลักนี้มีรูรับแสงกว้างระดับ f/1.5 ที่ช่วยให้สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น ทำให้ภาพที่ถ่ายในสภาพแสงน้อยมีความสว่างและรายละเอียดที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยีการถ่ายภาพต่างๆ ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพให้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

กล้องที่สองคือกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.2 ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในมุมกว้างได้มากกว่ากล้องหลัก เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ กลุ่มคนจำนวนมาก หรือสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่

กล้องที่สามเป็นกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.4 ที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพระยะใกล้ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพรายละเอียดของวัตถุขนาดเล็ก เช่น ดอกไม้ แมลง หรือเนื้อผิวของวัตถุต่างๆ

สำหรับกล้องเซลฟี่ มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่ให้ภาพเซลฟี่ที่คมชัดและมีรายละเอียดสูง พร้อมรองรับฟีเจอร์ความงามและเทคโนโลยี AI ที่ช่วยปรับปรุงภาพถ่ายให้สวยงามยิ่งขึ้น

การเชื่อมต่อครบครัน รองรับ 5G และเทคโนโลジีล่าสุด

Redmi Note 14 SE 5G รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 5G ทั้งแบบ Standalone (SA) และ Non-Standalone (NSA) ในย่านความถี่ต่างๆ ได้แก่ n1, n3, n5, n8, n28, n40, และ n78 ซึ่งครอบคลุมย่านความถี่ 5G ที่ใช้งานในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ในหลายพื้นที่

นอกจากการเชื่อมต่อ 5G แล้ว เครื่องยังรองรับ Wi-Fi 802.11ac ที่สามารถเชื่อมต่อทั้งย่านความถี่ 2.4GHz และ 5GHz ให้ความเร็วและเสถียรภาพในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi และรองรับ Bluetooth 5.3 ที่ให้การเชื่อมต่อที่เสถียรและประหยัดพลังงานกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น หูฟังไร้สาย ลำโพง หรืออุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ

สำหรับการระบุตำแหน่ง เครื่องสามารถใช้ระบบดาวเทียม GPS ของสหรัฐอเมริกาและ GLONASS ของรัสเซีย ให้ความแม่นยำในการหาตำแหน่งและนำทาง การชาร์จและการเชื่อมต่อข้อมูลใช้พอร์ต USB Type-C ที่เป็นมาตรฐานสากล

แบตเตอรี่ 5,110mAh พร้อมชาร์จเร็ว 45W

Redmi Note 14 SE 5G ได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,110mAh ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันแม้ในการใช้งานหนัก พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จไฟเร็วที่กำลัง 45W ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาอันรวดเร็ว

เทคโนโลยีชาร์จเร็วนี้ได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบป้องกันการชาร์จเกินและการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ฟีเจอร์ความปลอดภัยและการใช้งาน

เครื่องมาพร้อกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ติดตั้งใต้แผงหน้าจอ ให้ความสะดวกในการปลดล็อกและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์อินฟาเรดที่สามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้าน เช่น ทีวี เครื่องปรับอากาศ หรือพัดลม

สำหรับผู้ที่ยังชื่นชอบการใช้หูฟังแบบมีสาย เครื่องยังคงรักษาช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรไว้ และมาพร้อมลำโพงสเตอริโอที่รองรับมาตรฐานเสียง Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ให้ประสบการณ์การฟังเพลงและดูหนังที่ดีขึ้น

ดีไซน์บางเบาและทนทาน

Redmi Note 14 SE 5G มีดีไซน์ที่บางเพียง 7.99 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 190 กรัม ทำให้ถือใช้งานได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่รู้สึกหนักมือ แม้จะมีหน้าจอขนาดใหญ่และแบตเตอรี่ความจุสูง

เครื่องมีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP64 ที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองและละอองน้ำได้ในระดับหนึ่ง ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

ราคาและความพร้อมใช้งาน

Redmi Note 14 SE 5G จะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 สิงหาคม 2025 ผ่านช่องทางออนไลน์หลัก ได้แก่ เว็บไซต์ mi.com และ Flipkart ในประเทศอินเดีย โดยมีให้เลือก 3 สีสวย ได้แก่ Crimson Art ที่เป็นสีใหม่ล่าสุด, Mystique White และ Titan Black

สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มีราคาเพียง 14,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 5,600 บาทไทย ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แข่งขันได้สูงในกลุ่มสมาร์ตโฟนที่มีสเปกในระดับเดียวกัน

สรุป

Redmi Note 14 SE 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่นำเสนอคุณสมบัติที่ครบครันในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz, ชิป MediaTek Dimensity 7025 Ultra ที่ให้ประสิทธิภาพดี, ระบบกล้อง 4 ตัวที่ครอบคลุมการใช้งานทุกแบบ, แบตเตอรี่ความจุสูง 5,110mAh พร้อมชาร์จเร็ว 45W และการรองรับ 5G ที่ครบครัน

การเปิดตัวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Redmi ในการนำเสนอสมาร์ตโฟนที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม และคาดว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพดีโดยไม่ต้องจ่ายเงินมาก สำหรับตลาดไทยนั้น ยังไม่มีการประกาศวันที่จะเริ่มจำหน่าย แต่คาดว่าจะตามมาไม่ช้า เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของ Xiaomi ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้