Nothing เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่สะเทือนวงการเทคโนโลยี Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธง และ Headphone (1) หูฟังครอบหูรุ่นแรก

Exclusive ไอที

แบรนด์เทคโนโลยีชื่อดัง Nothing ได้ประกาศเปิดตัวผลิتภัณฑ์ใหม่สองรายการที่คาดว่าจะสร้างกระแสใหญ่ในวงการเทคโนโลยี ได้แก่ Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงที่แท้จริง และ Headphone (1) หูฟังครอบหูรุ่นแรกของแบรนด์ ทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้พร้อมที่จะปฏิวัติวงการเทคโนโลยีด้วยนวัตกรรมสุดล้ำและการดีไซน์ที่แหวกแนวไม่ซ้ำซากจำเจ

หลังจากใช้เวลาในการพัฒนาถึงสองปีเต็ม Nothing Phone (3) ได้กลับมาพร้อมการยกระดับที่ครบทุกมิติ ทั้งในด้านดีไซน์ Glyph Matrix โฉมใหม่ ประสิทธิภาพที่ทรงพลังด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 รุ่นล่าสุด และระบบกล้องระดับมืออาชีพ ขณะที่ Headphone (1) ได้ร่วมมือกับ KEF ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงระดับตำนาน เพื่อมอบประสบการณ์การฟังเสียงที่สมจริงเหนือระดับให้กับผู้ใช้งาน

เทคโนโลยี Glyph Matrix โฉมใหม่ เปลี่ยนวิธีการสื่อสารของสมาร์ตโฟน

Nothing Phone (3) มาพร้อมกับ Glyph Matrix เวอร์ชันใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยลดเวลาการใช้หน้าจอลง โดยใช้เทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งจะแสดงเฉพาะข้อมูลสำคัญในเวลาที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับสิ่งสำคัญได้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาหน้าจอหลักตลอดเวลา

หนึ่งในไฮไลต์ใหม่ที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Flip to Record ที่ผู้ใช้เพียงแค่คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ระบบจะเริ่มทำการถอดเสียงและสรุปบทสนทนาอัตโนมัติผ่าน Essential Space โดยไม่ต้องแตะหน้าจอเลย ทำให้การจดบันทึกการประชุมหรือบทสนทนาสำคัญต่างๆ เป็นเรื่องง่ายดายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมี Glyph Toys ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สนุกที่รวบรวม Quick Tools และมินิเกมต่างๆ ไว้ด้านหลังตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Glyph Mirror, นาฬิกาดิจิทัล, นาฬิกาจับเวลา, สถานะแบตเตอรี่, และ Solar Clock รวมถึงมินิเกมอย่าง Spin the Bottle ทั้งหมดนี้สามารถควบคุมได้ด้วยการกดปุ่มเดียวที่ด้านหลังเครื่อง ทำให้การใช้งานสะดวกและสนุกสนานมากขึ้น

พลังประสิทธิภาพเรือธงด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4

Nothing Phone (3) ได้รับการขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 รุ่นล่าสุด ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร และมาพร้อมสถาปัตยกรรม CPU Qualcomm Kryo และ GPU Qualcomm Adreno ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ล่าสุด

เมื่อเปรียบเทียบกับ Nothing Phone (2) รุ่นก่อน ประสิทธิภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยพลังการประมวลผล CPU เพิ่มขึ้นถึง 36% การทำงานของ GPU เร็วขึ้นถึง 88% ประสิทธิภาพการประมวลผลงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้น 60% และความสามารถในการจดจำภาพที่รวดเร็วขึ้นถึง 125%

ด้านแบตเตอรี่ Phone (3) มาพร้อมแบตเตอรี่แบบซิลิคอน-คาร์บอนขนาด 5,150mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานเกินหนึ่งวันเต็ม พร้อมรองรับระบบ Fast Charge ทั้งแบบมีสาย 65W ที่สามารถชาร์จเต็มภายใน 54 นาที และแบบไร้สาย 15W ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางวัน

ระบบกล้องระดับมืออาชีพสำหรับครีเอเตอร์

Nothing Phone (3) มาพร้อมระบบกล้องที่ออกแบบมาเพื่อครีเอเตอร์โดยเฉพาะ โดยใช้เซนเซอร์หลักขนาด 1/1.3 นิ้ว ที่ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่า สามารถถ่ายภาพได้คมชัดแม้ในสภาพแสงน้อย พร้อม Optical Zoom ที่ช่วยให้เก็บภาพมุมใกล้ได้โดยไม่สูญเสียรายละเอียดสำคัญ

สำหรับการบันทึกวิดีโอ Phone (3) สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 60fps ได้คมชัดและเสถียรจากทุกเลนส์ ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Optical เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมพรีเซ็ต (Presets) ที่พัฒนาร่วมกับช่างภาพมืออาชีพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์วิดีโอสไตล์ภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดาย

หน้าจอสุดคมชัดและสวยงาม เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม

Nothing Phone (3) มาพร้อมหน้าจอ AMOLED แบบยืดหยุ่น ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดคมชัดระดับ 1.5K ที่รองรับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ด้วยความสว่างสูงสุดถึง 4,500 นิต (HDR) และ 1,600 นิต (HMB) ทำให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนแม้ในแสงแดดจัด

หน้าจอมาพร้อมอัตรารีเฟรชแบบปรับได้ที่ 30-120Hz และค่า touch sampling 1,000Hz ทำให้ทุกการตอบสนองลื่นไหลอย่างฉับไว ขณะที่การหรี่แสงด้วย PWM ที่ 2,160Hz ช่วยถนอมสายตาผู้ใช้ ขอบจอบางเท่ากันทั้ง 4 ด้านเพียง 1.87 มิลลิเมตร บางลง 18% เมื่อเทียบกับ Phone (2) รุ่นก่อน

Nothing OS 3.5 ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่า

Nothing OS 3.5 ที่รันบนระบบปฏิบัติการ Android 15 มอบประสบการณ์การใช้งานที่รวดเร็วและลื่นไหล ด้วยการออกแบบที่เน้นประโยชน์ใช้สอยและลดสิ่งรบกวนให้มากที่สุด

ฟีเจอร์เด่นอย่าง Essential Search เป็นแถบค้นหาอัจฉริยะที่เรียกใช้ได้ง่ายเพียงปัดขึ้นจากหน้าจอหลัก สามารถค้นหาได้ครบทั้งรายชื่อ รูปภาพ และไฟล์ต่างๆ พร้อมการตอบสนองแบบเรียลไทม์ที่รวดเร็ว

Essential Space เป็นพื้นที่ศูนย์กลางสำหรับรวบรวมไอเดีย โน้ต และคอนเทนต์ทั้งหมดที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระบบด้วย AI ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 1 ใน 5 ที่ใช้ฟีเจอร์นี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ แสดงให้เห็นถึงความนิยมและประโยชน์ใช้สอยของฟีเจอร์นี้

Nothing ยังรับประกันการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันหลักนาน 5 ปี และอัปเดตระบบความปลอดภัยนานถึง 7 ปี ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าจะได้ใช้งานเครื่องได้อย่างปลอดภัยและทันสมัยเป็นเวลานาน

Nothing Headphone (1) หูฟังครอบหูรุ่นแรกจากการร่วมมือกับ KEF

Nothing Headphone (1) เป็นผลงานความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง Nothing และ KEF ผู้บุกเบิกนวัตกรรมเสียงระดับ Hi-Fi ที่มีประสบการณ์มากกว่า 60 ปี ในการสร้างสรรค์อุปกรณ์เสียงคุณภาพสูง

Headphone (1) มาพร้อม Dynamic Driver ขนาด 40 มิลลิเมตร ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อถ่ายทอดคุณภาพเสียงให้ออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสที่แน่นและทรงพลัง เสียงมิดโทนที่คมชัด และเสียงแหลมที่ใสเคลียร์เต็มอรรถรส ให้ประสบการณ์การฟังเสียงที่สมจริงและเพลิดเพลิน

หูฟังรุ่นนี้รองรับ Hi-Res Audio และ LDAC เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายคุณภาพสูง และยังมีทางเลือกการเชื่อมต่อแบบมีสายผ่านทั้งพอร์ต USB-C แบบ Lossless และพอร์ต 3.5 มิลลิเมตร ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ

ระบบควบคุมแบบ Tactile Controls ใหม่ที่แตกต่าง

Nothing Headphone (1) ได้ฉีกแนวการใช้ระบบควบคุมแบบสัมผัสที่พบในหูฟังทั่วไป ด้วยการเลือกใช้ระบบควบคุมแบบสัมผัสจริง (Tactile controls) ผ่านปุ่มต่างๆ ที่อยู่บนตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Roller, Paddle หรือ Button

ผู้ใช้สามารถปรับระดับเสียง จัดการการเล่นเพลง หรือสลับโหมดตัดเสียงรบกวน (ANC) ได้อย่างแม่นยำและฉับไว ช่วยลดความยุ่งยากหรือข้อผิดพลาดที่มักพบกับระบบจอสัมผัสในหูฟังทั่วไป ทำให้การใช้งานสะดวกและแม่นยำมากขึ้น

ปุ่ม Button อัจฉริยะสามารถตั้งค่าได้ตามความต้องการผ่านแอปพลิเคชัน Nothing X รวมถึงการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Channel Hop ที่ช่วยให้สลับการเล่นเสียงระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ทันที อย่างสะดวกและรวดเร็ว

ประสิทธิภาพและการใช้งานที่ยอดเยี่ยม

Nothing Headphone (1) สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 35 ชั่วโมง แม้จะเปิดโหมด ANC และยังมีระบบชาร์จเร่งด่วนที่เพียงชาร์จ 5 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้นานถึง 2.4 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางทาง

หูฟังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 พร้อมฟีเจอร์การเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้ในเวลาเดียวกัน รองรับระบบ Fast Pair สำหรับการจับคู่อุปกรณ์ที่รวดเร็ว และการส่งสัญญาณเสียงที่มีค่าความหน่วงต่ำ เหมาะสำหรับการดูหนังหรือเล่นเกม

โหมด ANC ของ Headphone (1) มาพร้อมกับไมโครโฟนคู่แบบ Feedforward และ Feedback ที่ช่วยปรับระดับการตัดเสียงรบกวนภายนอกได้แบบเรียลไทม์ พร้อมไมโครโฟน ENC 4 ตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งผ่านการฝึกฝนจากสถานการณ์เสียงรบกวนมาแล้วกว่า 28 ล้านรูปแบบ ทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดีไซน์โปร่งใสเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น

ทั้ง Nothing Phone (3) และ Headphone (1) โดดเด่นด้วยดีไซน์โปร่งใสที่สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในได้ และการใช้วัสดุระดับพรีเมียม Nothing Phone (3) ผสานรูปทรงเรขาคณิตอันโดดเด่นเข้ากับดีไซน์โมดูลาร์ที่ประณีต พร้อมมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ที่ทำให้สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

สำหรับ Headphone (1) ใช้วัสดุอะลูมิเนียมขึ้นรูปคุณภาพสูง ชิ้นส่วนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี CNC ที่มีความแม่นยำสูง และวัสดุเมมโมรี่โฟมเคลือบ PU ที่ทั้งสวยงามและสวมใส่สบาย ทำให้สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานโดยไม่เกิดความเมื่อยล้า

ราคาและช่องทางการจำหน่าย

Nothing Phone (3) มีให้เลือก 2 สีคือ Black และ White พร้อมความจุให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 12GB + 256GB ราคา 27,999 บาท และรุ่น 16GB + 512GB ราคา 30,999 บาท

สำหรับ Limited Drop จะเปิดขายรอบพิเศษที่ Nothing Store (One Bangkok) และ Carnival (CentralWorld) ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ผู้ที่สั่งซื้อ Phone (3) จะได้รับสิทธิ Storage Upgrade ฟรี (จำนวนจำกัด) พร้อมของสมนาคุณสุดพิเศษ ได้แก่ Nothing Ear, Nothing Cap และ Nothing Tote Bag

Phone (3) ความจุ 16GB + 512GB เริ่มพรีออเดอร์พร้อมรับสิทธิ Storage Upgrade ฟรี ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ dotlife, Jaymart, Banana, Mocare, Powerbuy, Power Mall, Pro Gadgets ผู้บริการเครือข่าย AIS และช่องทางออนไลน์ Lazada, Shopee และ Alottech โดยจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมเป็นต้นไป

สำหรับ Nothing Headphone (1) มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคา 8,999 บาท เปิดพรีออเดอร์ 26 กรกฎาคมนี้ และวางขายอย่างเป็นทางการ 2 สิงหาคม ผู้ที่สั่งจองจะได้รับฟรี Nothing Headphone Protective Cover

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสองรายการนี้ของ Nothing แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการใช้ดีไซน์โปร่งใสที่เป็นจุดขายหลัก ผสมผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัยและคุณภาพระดับพรีเมียม คาดว่าทั้ง Phone (3) และ Headphone (1) จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่มีความแตกต่างและโดดเด่นในตลาด