Lenovo ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีน ได้ประกาศเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Xiaoxin อย่างเป็นทางการ โดยนำเสนอ “Xiaoxin Tablet Pro GT” ที่มาพร้อมสเปกระดับเรือธงและราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการทำงาน การเล่นเกม และการบันเทิงมัลติมีเดีย
แท็บเล็ตรุ่นนี้ถือเป็นการก้าวย่างสำคัญของ Lenovo ในการเข้าสู่ตลาดแท็บเล็ตเกมมิ่งระดับพรีเมียม โดยมุ่งเน้นการนำเสนอประสิทธิภาพการประมวลผลที่แข็งแกร่ง หน้าจอคุณภาพสูง และฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานหลากหลาย ทั้งการทำงานเอกสาร การสร้างสรรค์ผลงาน และการเล่นเกมระดับเฮฟวี่เวท
จอแสดงผลระดับเรือธงพร้อมเทคโนโลยีล่าสุด
Lenovo Xiaoxin Tablet Pro GT มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 11.1 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูงถึง 3,200 x 2,000 พิกเซล ซึ่งให้ความคมชัดในระดับ 2K+ ที่สามารถแสดงรายละเอียดได้อย่างชัดเจนทั้งในการอ่านข้อความ การดูภาพ และการเล่นเกม
คุณลักษณะเด่นของหน้าจอคือรีเฟรชเรต 144Hz ที่ทำให้การแสดงภาพเคลื่อนไหวนุ่มนวลยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการเล่นเกมแอคชั่นที่ต้องการความแม่นยำในการตอบสนอง การเลื่อนหน้าจอ และการดูวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว
ด้านคุณภาพสีนั้น หน้าจอรองรับมาตรฐานสี DCI-P3 ได้ถึง 98% ซึ่งหมายความว่าสามารถแสดงช่วงสีที่กว้างและสมจริงใกล้เคียงกับที่เห็นในโรงภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีความแม่นยำของสีในระดับ Delta E < 1 ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานระดับมืออาชีพที่แทบจะไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างของสีได้ด้วยตาเปล่า
ความสว่างของหน้าจอสูงสุดที่ 800 Nits ทำให้สามารถมองเห็นเนื้อหาได้ชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า เช่น การใช้งานกลางแจ้ง หรือในห้องที่มีแสงแดดส่องเข้ามา
รองรับมาตรฐานเสียงและภาพระดับโรงหนัง
แท็บเล็ตรุ่นนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน Dolby Vision สำหรับคุณภาพภาพ และ Dolby Atmos สำหรับระบบเสียง ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมที่ใกล้เคียงกับในโรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะการดูหนัง ซีรีส์ และเนื้อหาบันเทิงต่างๆ ที่รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้
ระบบเสียง Dolby Atmos ช่วยสร้างมิติของเสียงที่ล้อมรอบ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่จริงของเนื้อหาที่กำลังรับชม ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝนตก เสียงใบไม้ไหว หรือเสียงระเบิดในเกมแอคชั่น
อุปกรณ์เสริมระดับมืออาชีพ
Lenovo ได้พัฒนาอุปกรณ์เสริมที่รองรับการทำงานระดับมืออาชีพ โดยเฉพาะปากกาสไตลัสที่มีความหน่วงเพียง 0.3 มิลลิวินาที และรองรับแรงกดได้ 8,192 ระดับ ทำให้การเขียน การวาดภาพ และการออกแบบมีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติเสมือนการใช้ปากกาจริง
คีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับแท็บเล็ตมีระยะการกดแป้นพิมพ์ที่ 1.3 มิลลิเมตร ซึ่งให้ความรู้สึกในการพิมพ์ที่ดี พร้อมทัชแพดในตัวที่ช่วยให้สามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้อย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความแม่นยำสูง
ฟีเจอร์ AI และซอฟต์แวร์สำนักงาน
Xiaoxin Tablet Pro GT ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI ที่ช่วยในการเขียนและการร่างภาพ ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น AI จะช่วยแนะนำและปรับปรุงการเขียน ตลอดจนช่วยในการสร้างภาพประกอบหรือการออกแบบเบื้องต้น
แท็บเล็ตยังติดตั้งแอป WPS Office พร้อมใช้งานทันที ซึ่งรองรับการทำงานกับเอกสาร Microsoft Office ทุกรูปแบบ ทำให้สามารถแก้ไขเอกสาร Word, Excel, และ PowerPoint ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้แท็บเล็ตในการทำงานแทนแล็ปท็อป
ประสิทธิภาพระดับเรือธงด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 3
หัวใจสำคัญของ Xiaoxin Tablet Pro GT คือชิปเซต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียม ชิปเซตนี้มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 3.3 GHz และให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมาก
การประมวลผลกราฟิกได้รับการปรับปรุงให้รองรับเกมระดับหนักและแอปพลิเคชันที่ใช้ทรัพยากรสูง โดยสามารถเล่นเกมมือถือยอดนิยมในระดับกราฟิกสูงสุดได้อย่างลื่นไหล
หน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูลความเร็วสูง
แท็บเล็ตใช้แรม LPDDR5X ความเร็วสูงในขนาด 8GB หรือ 12GB ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดที่ให้ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น ทำให้การทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกันเป็นไปได้อย่างราบรื่น
พื้นที่เก็บข้อมูลใช้เทคโนโลยี UFS 4.0 ในขนาด 128GB หรือ 256GB ซึ่งให้ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลที่เร็วมาก ทำให้การเปิดแอปพลิเคชัน การโหลดเกม และการถ่ายโอนไฟล์เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
แบตเตอรี่อึดทนพร้อมชาร์จเร็ว
Lenovo ได้ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 8,860 mAh ที่ให้เวลาการใช้งานที่ยาวนาน สามารถรับชมวิดีโอต่อเนื่องได้สูงสุด 13 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด
ระบบชาร์จเร็ว 68W ช่วยให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-80% ได้ในเวลาเพียง 40 นาที และการชาร์จเพียง 10 นาที ก็เพียงพอให้ชมวิดีโอได้อีก 2 ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องรอนานในการชาร์จแบตเตอรี่
ดีไซน์บางเบาและพกพาสะดวก
แม้จะมาพร้อมสเปกระดับเรือธง แต่ Xiaoxin Tablet Pro GT ยังคงรักษาความบางเบาไว้ได้ดีด้วยความบาง 5.99 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 458 กรัม เหมาะสำหรับการพกพาใช้งานทุกที่
เมื่อเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด น้ำหนักรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 839 กรัม ซึ่งยังคงเบากว่าแล็ปท็อปทั่วไปมาก ทำให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความสามารถในการทำงานเหมือนแล็ปท็อป แต่มีความสะดวกในการพกพามากกว่า
ราคาและการจำหน่าย
Lenovo ประกาศแผนการจำหน่าย Xiaoxin Tablet Pro GT ผ่านสโตร์ออนไลน์ของ Lenovo ในประเทศจีนเริ่มต้นในวันที่ 17 สิงหาคม 2025 โดยมีตัวเลือกหลายแบบตามความต้องการของผู้ใช้
รุ่นเริ่มต้น แรม 8GB + สตอเรจ 128GB มีราคา 1,900 หยวน หรือประมาณ 8,600 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แข่งขันได้มากในกลุ่มแท็บเล็ตที่มีสเปกระดับเรือธง
รุ่น แรม 8GB + สตอเรจ 256GB มีราคา 2,100 หยวน หรือประมาณ 9,500 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
รุ่น แรม 12GB + สตอเรจ 256GB มีราคา 2,400 หยวน หรือประมาณ 10,800 บาท ตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน
และรุ่นท็อปสุด แรม 12GB + สตอเรจ 256GB พร้อมคีย์บอร์ดและปากกาสไตลัส มีราคา 3,100 หยวน หรือประมาณ 14,000 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการครบครันทุกอุปกรณ์เสริม
ผลกระทบต่อตลาดแท็บเล็ต
การเปิดตัว Xiaoxin Tablet Pro GT ของ Lenovo นับเป็นการเพิ่มทางเลือกที่น่าสนใจในตลาดแท็บเล็ตระดับพรีเมียม โดยเฉพาะในกลุ่มที่มุ่งเน้นการเล่นเกมและการทำงานแบบมืออาชีพ
ราคาที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน อาจทำให้ผู้บริโภคหันมาพิจารณา Lenovo เป็นทางเลือกหลักมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่มีความไวต่อราคา
การรวมฟีเจอร์ AI เข้ามาในแท็บเล็ตยังแสดงให้เห็นถึงทิศทางของอุตสาหกรรมที่กำลังเน้นการใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นจุดขายหลัก
สรุป
Lenovo Xiaoxin Tablet Pro GT เป็นแท็บเล็ตที่รวมเทคโนโลยีล่าสุดและประสิทธิภาพระดับเรือธงเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 3 หน้าจอ 144Hz ระบบเสียงและภาพระดับโรงหนัง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมที่รองรับการทำงานระดับมืออาชีพ
ราคาที่เริ่มต้นเพียง 8,600 บาท ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ไม่ต้องการจ่ายเงินในระดับเดียวกับแท็บเล็ตพรีเมียมจากแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ
การเปิดตัวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Lenovo ในการแข่งขันในตลาดแท็บเล็ตระดับสูง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในตลาดแท็บเล็ตโลก โดยเฉพาะในส่วนของราคาและการเข้าถึงเทคโนโลยีระดับเรือธง
