OpenAI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า “Agent Mode” สำหรับ ChatGPT ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งาน AI ของผู้ใช้ทั่วโลก โดยฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือที่แค่ตอบคำถามให้กลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถคิด วางแผน และลงมือทำงานแทนผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง
การเปิดตัว Agent Mode นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในวงการปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะการพัฒนาให้ AI มีความสามารถในการดำเนินงานที่ซับซ้อนและหลากหลายมากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การให้คำตอบหรือข้อมูลเท่านั้น แต่สามารถทำงานในโลกดิจิทัลได้เหมือนมนุษย์
วิธีการเปิดใช้งาน ChatGPT Agent Mode
การใช้งาน ChatGPT Agent Mode นั้นไม่ยุ่งยากเกินไป ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ผ่านแผนการใช้งานระดับ Pro, Plus และ Team ของ ChatGPT เท่านั้น โดยสามารถเปิดใช้งานผ่านเมนู Tools และเลือก Agent Mode ได้ทันที
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว Agent จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า “virtual computer environment” ขึ้นมา ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์เสมือนที่ Agent สามารถใช้งานเครื่องมือต่างๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บไซต์ การคลิกและป้อนข้อมูล การรันโค้ด Python หรือ Shell commands รวมถึงการอ่านและเขียนไฟล์ในรูปแบบต่างๆ
ที่น่าสนใจคือ Agent สามารถสร้างไฟล์ประเภท Microsoft PowerPoint, Excel และ PDF ที่พร้อมใช้งานได้ทันที ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาในการจัดรูปแบบหรือแก้ไขเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถหยุดการทำงานของ Agent หรือล็อกอินเองเมื่อ Agent ร้องขอ และสามารถดูการทำงานแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย
ความแตกต่างระหว่าง Agent Mode กับ ChatGPT ธรรมดา
ความแตกต่างหลักระหว่าง Agent Mode กับ ChatGPT ปกตินั้นอยู่ที่ลักษณะการทำงาน ChatGPT ธรรมดาจะทำหน้าที่เป็น “ผู้ตอบคำถาม” ที่ให้ข้อมูล คำแนะนำ หรือสร้างเนื้อหาตามที่ผู้ใช้ร้องขอ แต่ Agent Mode กลับทำหน้าที่เป็น “ผู้ทำงานแทน” ที่สามารถใช้เครื่องมือต่างๆ บนคอมพิวเตอร์เสมือนได้จริง
Agent สามารถอ่านเว็บไซต์ รันโค้ดโปรแกรม จัดระเบียบไฟล์ และแม้กระทั่งคลิกหน้าจอเพื่อดำเนินงานต่างๆ ได้เหมือนมนุษย์ ซึ่งหมายความว่าผลลัพธ์ที่ได้จาก Agent Mode นั้นไม่สามารถทำได้จากการพิมพ์คำสั่งเพียงครั้งเดียวใน ChatGPT ธรรมดา เพราะต้องใช้หลายเครื่องมือและหลายขั้นตอนที่ Agent ทำให้อัตโนมัติ
ความสามารถนี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถมอบหมายงานที่ซับซ้อนและใช้เวลานานให้กับ AI ได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมากมาย
10 กรณีการใช้งาน ChatGPT Agent ที่เปลี่ยนเกมการทำงาน
1. การวิเคราะห์คู่แข่งและสร้างงานนำเสนอแบบครบวงจร
หนึ่งในการใช้งานที่โดดเด่นที่สุดของ Agent Mode คือการวิเคราะห์คู่แข่งทางธุรกิจ ผู้ใช้สามารถสั่งให้ Agent วิเคราะห์เว็บไซต์ของคู่แข่งหลัก เปรียบเทียบราคา จุดแข็ง จุดอ่อน แล้วสร้างสไลด์ PowerPoint พร้อมกราฟและตารางได้ในคำสั่งเดียว
ตัวอย่างคำสั่ง: “วิเคราะห์เว็บไซต์ 5 คู่แข่งหลักในกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ เปรียบเทียบราคา จุดแข็ง จุดอ่อน แล้วสร้างสไลด์ PowerPoint 5 หน้า พร้อมกราฟและตาราง”
Agent จะดำเนินการเปิดเว็บไซต์ต่างๆ รวบรวมข้อมูล รันโค้ดสร้างกราฟ และส่งออกเป็นไฟล์ PowerPoint ที่พร้อมใช้งานได้ทันที ซึ่งการทำงานแบบนี้หากทำด้วยมือจะใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือแม้กระทั่งหลายวัน
2. การจองที่พักออนไลน์แบบครบขั้นตอน
Agent สามารถช่วยในการจองที่พักผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Airbnb ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถค้นหา กรองเงื่อนไข เปรียบเทียบราคา และรวบรวมตัวเลือกที่เหมาะสมให้ผู้ใช้
ตัวอย่างคำสั่ง: “ช่วยหาที่พัก Airbnb สไตล์โมเดิร์น 2 ห้องนอน ใกล้ตัวเมืองระยองช่วงเดือนตุลาคม งบไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน แล้วบอกตัวเลือก 3 รายการ”
Agent จะเปิดหน้าเว็บ Airbnb ใส่เงื่อนไขการค้นหา กรองผลลัพธ์ตามงบประมาณและความต้องการ จากนั้นจึงรวบรวมตัวเลือกที่ดีที่สุดมาให้ ที่สำคัญคือจะหยุดรอให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอนุมัติก่อนดำเนินการจ่ายเงินจริง
3. การวางแผนมื้ออาหารและจัดทำรายการซื้อของ
สำหรับงานในครัวเรือน Agent สามารถช่วยวางแผนเมนูอาหาร คำนวณราคาวัตถุดิบ และสร้างสเปรดชีตรายการซื้อของได้อย่างละเอียด
ตัวอย่างคำสั่ง: “วางแผนเมนูอาหารเย็น 5 วัน จัดรายการซื้อวัตถุดิบ พร้อมตรวจสอบราคา ณ ร้านออนไลน์ และส่งออกเป็น Excel หรือ Google Sheet”
Agent จะจัดทำเมนูที่สมดุล ค้นหาราคาวัตถุดิบจากร้านค้าออนไลน์ต่างๆ และสร้างสเปรดชีตที่มีรายการสินค้า ปริมาณ ราคา และร้านที่แนะนำให้ซื้อ ทำให้การซื้อของกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. การเตรียมข้อมูลประชุมจากแหล่งข้อมูลหลากหลาย
ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เร่งรีบ Agent สามารถช่วยเตรียมข้อมูลสำหรับการประชุมโดยการรวบรวมข้อมูลจากอีเมลและข่าวสารล่าสุด
ตัวอย่างคำสั่ง: “อ่านอีเมลล่าสุดและข่าวสารวันนี้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า A แล้วสรุปรายงานเตรียมประชุมให้พร้อมในรูปแบบ PDF”
Agent จะเข้าถึง Gmail (หลังจากที่ผู้ใช้เชื่อมต่อแล้ว) อ่านข่าวสารจากแหล่งต่างๆ วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และจัดทำรายงานสรุปในรูปแบบ PDF ที่พร้อมนำเสนอ ช่วยให้ผู้ใช้เตรียมตัวสำหรับการประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. การจัดทำรายงานเชิงลึกจากหลายแหล่งข้อมูล
Agent มีความสามารถในการทำวิจัยเชิงลึกโดยการรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและวิเคราะห์เป็นรายงานที่มีคุณค่า
ตัวอย่างคำสั่ง: “ค้นบทความจากเว็บเฉพาะ 3 แหล่งเกี่ยวกับเทรนด์ AI ปี 2025 และสรุปรายงานเชิงลึก พร้อมแนะนำกลยุทธ์สำหรับธุรกิจขายคอร์ส AI”
Agent จะดำเนินการค้นคว้า สกัดข้อมูลที่สำคัญ วิเคราะห์แนวโน้มและความเป็นไปได้ จากนั้นจึงส่งออกเป็นรายงานเชิงกลยุทธ์ที่มีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
6. การประมวลผลข้อมูลและสร้าง Dashboard
สำหรับงานที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูล Agent สามารถรับไฟล์ข้อมูลจากผู้ใช้ ทำความสะอาด วิเคราะห์ และสร้าง Dashboard ที่สวยงามได้
ตัวอย่างคำสั่ง: “รับไฟล์ CSV แล้วทำความสะอาดข้อมูล รัน Python วิเคราะห์สถิติ และสร้าง Dashboard ชุดกราฟใน Excel”
Agent จะรัน Python script เพื่อทำความสะอาดข้อมูล วิเคราะห์สถิติพื้นฐานและขั้นสูง สร้างกราฟและแผนภูมิต่างๆ จากนั้นส่งออกเป็น Excel Dashboard ที่พร้อมใช้งานและนำเสนอได้ทันที
7. การช็อปปิ้งออนไลน์และจัดการตะกร้าสินค้า
Agent สามารถช่วยในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ เปรียบเทียบราคาจากหลายร้านค้า และจัดการตะกร้าสินค้าได้
ตัวอย่างคำสั่ง: “ช่วยเลือกต้นไม้สำหรับแต่งสวน 3 ต้น จากเว็บไซต์ 2 แห่ง ในประเทศไทย แล้วเพิ่มลงตะกร้าออนไลน์ พร้อมสรุปราคาทั้งหมด”
Agent จะค้นหาสินค้าที่เหมาะสม เปรียบเทียบคุณภาพและราคา เพิ่มสินค้าลงตะกร้าและรวมราคาทั้งหมด แล้วให้ผู้ใช้ยืนยันก่อนดำเนินการจ่ายเงิน ทำให้การช็อปปิ้งออนไลน์สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
8. การข้าม CAPTCHA และดำเนินงานต่อเนื่อง
ความสามารถที่น่าทึ่งอย่างหนึ่งของ Agent คือการสามารถข้าม CAPTCHA “I’m not a robot” ได้เอง และดำเนินงานต่อไปตามที่ผู้ใช้ต้องการ
ตัวอย่างคำสั่ง: “เข้าเว็บนี้และคลิกผ่านระบบ CAPTCHA เพื่อโหลดข้อมูลสำคัญ—แล้วนำเนื้อหาลงสเปรดชีต”
Agent จะรายงานการทำงานว่า “ฉันจะคลิกที่ช่อง ‘I am not a robot’…” แล้วดำเนินการต่อเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาจัดทำเป็นสเปรดชีต ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและความยุ่งยากในการเข้าถึงข้อมูลที่มีการป้องกันด้วย CAPTCHA
9. การวิเคราะห์รีวิวลูกค้าและจัดทำรายงานปรับปรุงธุรกิจ
Agent สามารถช่วยธุรกิจในการวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าจากหลายแหล่งและสร้างข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์
ตัวอย่างคำสั่ง: “อ่านรีวิวออนไลน์จาก 3 แหล่ง สำหรับบริษัทของฉัน จากนั้นบันทึก Pain Point, จุดแข็งธุรกิจ แล้วสร้างรายงานเชิงกลยุทธ์และเสนอแนวทางปรับปรุง”
Agent จะสกัดข้อมูลจากรีวิว จัดหมวดหมู่ข้อคิดเห็น วิเคราะห์แนวโน้มและปัญหาที่เกิดขึ้น จากนั้นสร้างรายงานที่มีข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์สำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงแนวทางการดำเนินงานต่อเนื่อง
10. การวิเคราะห์งบประมาณและสร้างงานนำเสนอเชิงกลยุทธ์
การใช้งานที่ซับซ้อนที่สุดอย่างหนึ่งคือการวิเคราะห์ข้อมูลงบประมาณจากแหล่งข้อมูลราชการและสร้างข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์
ตัวอย่างคำสั่ง: “ใช้ Agent Mode เข้าเว็บไซต์ราชการที่เผยแพร่งบประมาณปี 2020–2025 ดาวน์โหลดข้อมูลแต่ละปี วิเคราะห์ว่าภาคใดได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากสุด จัดเป็นสเปรดชีต Excel พร้อมกราฟ และสร้าง PowerPoint สรุปเชิงกลยุทธ์ว่าควรเน้นลงทุนภาคใดในปี 2026”
Agent จะโหลดข้อมูลจากเว็บไซต์ราชการ จัดระเบียบข้อมูลในสเปรดชีต สร้างกราฟแสดงแนวโน้มการจัดสรรงบประมาณ วิเคราะห์ความเป็นไปได้ และส่งออกเป็น PowerPoint ที่มีข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์สำหรับการลงทุน
ผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน
การเปิดตัว ChatGPT Agent Mode ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การทำงานในอนาคต ความสามารถในการทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ซับซ้อนและใช้เวลานานจะช่วยให้ผู้คนสามารถโฟกัสไปที่งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจระดับสูงมากขึ้น
ในภาคธุรกิจ Agent Mode จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนในการจ้างงานสำหรับงานประเภทข้อมูลและการวิเคราะห์ และเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงความสามารถระดับองค์กรขนาดใหญ่ได้
สำหรับผู้ใช้ทั่วไป Agent Mode จะทำให้การจัดการงานประจำวันง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจองที่พัก การซื้อของ การวางแผนการเงิน หรือการเตรียมงานนำเสนอต่างๆ ทำให้มีเวลาเหลือมากขึ้นสำหรับกิจกรรมที่สำคัญอื่นๆ ในชีวิต
อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Agent Mode ยังคงต้องมีการกำกับดูแลจากผู้ใช้ เนื่องจากการตัดสินใจสำคัญๆ เช่น การจ่ายเงิน การลงนามในเอกสาร หรือการเผยแพร่ข้อมูลยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากมนุษย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า OpenAI ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการควบคุมการใช้งาน
ข้อจำกัดและข้อพิจารณา
แม้ว่า Agent Mode จะมีความสามารถที่น่าประทับใจ แต่ยังมีข้อจำกัดที่ผู้ใช้ควรทราบ ได้แก่ ความต้องการแผนการใช้งานระดับสูง การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร และความจำเป็นในการกำกับดูแลการทำงานของ Agent เพื่อความปลอดภัยและความถูกต้อง
นอกจากนี้ ผู้ใช้ควรพิจารณาเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเมื่อให้ Agent เข้าถึงบัญชีต่างๆ เช่น Gmail หรือบัญชีการเงิน และควรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีในการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ
บทสรุป
ChatGPT Agent Mode เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ด้วยความสามารถในการทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ซับซ้อนและหลากหลาย Agent Mode ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการใช้ AI เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่แท้จริง
การพัฒนานี้สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่ AI จะมีบทบาทมากขึ้นในการช่วยเหลือมนุษย์ในงานต่างๆ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมากและการทำงานซ้ำๆ ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์สามารถโฟกัสไปที่งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจจะทดลองใช้งาน ChatGPT Agent Mode สามารถอัพเกรดแผนการใช้งานเป็น Pro, Plus หรือ Team และเริ่มต้นสำรวจความสามารถของ AI ที่ “ทำงานแทนได้” ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานอย่างแท้จริง