โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดตัวสแครมเบลอร์รุ่นใหม่ “Bear 650” ในไทยอย่างเป็นทางการ ราคาเริ่มต้น 2.65 แสนบาท

ยานยนต์

โรยัล เอ็นฟีลด์ (Royal Enfield) แบรนด์มอเตอร์ไซค์ระดับตำนานจากอังกฤษ ที่ครองตำแหน่งผู้นำตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางทั่วโลก ได้ประกาศเปิดตัว Bear 650 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว โดยรถรุ่นนี้ถือเป็นสแครมเบลอร์ล่าสุดที่ผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

แรงบันดาลใจจากตำนานนักแข่งในประวัติศาสตร์

Bear 650 ได้รับการออกแบบจากแรงบันดาลใจที่มาจากเรื่องราวในตำนานของนักแข่งมอเตอร์ไซค์ชาวอเมริกัน Eddie Mulder หรือที่รู้จักกันในนาม “Fast Eddie” ซึ่งเป็นบุคคลที่สร้างประวัติศาสตร์การแข่งขันให้กับวงการมอเตอร์ไซค์โลก เมื่อเขาสามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขัน Big Bear Run ที่รัฐแคลิฟอร์เนียในปี 1960 ด้วยวัยเพียง 16 ปี จึงทำให้เขาเป็นผู้ชนะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันนี้จนถึงปัจจุบัน

การแข่งขัน Big Bear Run ถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ที่ท้าทายที่สุดในยุคนั้น ด้วยเส้นทางที่ผ่านภูเขาและทางลูกรัง ซึ่งต้องใช้ทั้งทักษะการขับขี่และความกล้าหาญอย่างมาก ความสำเร็จของ Eddie Mulder ในวัยเพียง 16 ปี จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนารถที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในเมืองและนอกเส้นทาง

ขุมพลังเครื่องยนต์ 650cc พาราเรลทวิน อันเลื่องชื่อ

หัวใจสำคัญของ Bear 650 คือเครื่องยนต์ 650cc แบบพาราเรลทวิน (Parallel Twin) ซึ่งเป็นขุมพลังที่ Royal Enfield ได้รับการยอมรับจากนักขับขี่ทั่วโลก เครื่องยนต์รุ่นนี้สามารถผลิตแรงม้าสูงสุด 47 bhp (34.6 kW) ที่รอบเครื่อง 7,250 rpm และแรงบิดสูงสุด 56.5 Nm ที่รอบเครื่อง 5,150 rpm

สิ่งที่ทำให้เครื่องยนต์ของ Bear 650 โดดเด่นกว่ารถรุ่นอื่นในตระกูล Twin ของ Royal Enfield คือการปรับแต่งให้มีแรงบิดในช่วงกลางที่เด่นชัดกว่า ซึ่งช่วยให้การขับขี่ในสภาพจราจรในเมืองเป็นไปได้อย่างราบรื่น และยังคงมีพลังเพียงพอสำหรับการผจญภัยนอกเส้นทางอีกด้วย

ระบบท่อไอเสียใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและเสียง

หนึ่งในจุดเด่นของ Bear 650 คือระบบท่อไอเสียแบบ 2-1 ที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มแรงบิดและขยายช่วงพลังให้กว้างขึ้น แต่ยังช่วยลดน้ำหนักของรถด้วยการใช้ปลายท่อแบบเดี่ยว

เสียงเครื่องยนต์ที่ออกมาจากท่อไอเสียใหม่นี้ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์ของสแครมเบลอร์ โดยยังคงความนุ่มนวลที่เป็นเอกลักษณ์ของ Royal Enfield ไว้ พร้อมกับเพิ่มความหนักแน่นและเสียงที่ดุดันขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับการใช้งานในลักษณะสแครมเบลอร์

การออกแบบที่สะท้อนจิตวิญญาณสแครมเบลอร์แท้

Bear 650 ได้รับการออกแบบให้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของสแครมเบลอร์อย่างแท้จริง ตั้งแต่ยางลายบล็อกในสไตล์วินเทจที่ให้การยึดเกาะดีทั้งบนถนนและทางดิน เบาะนั่งทรงสแครมเบลอร์ที่มีการออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

เฟรมท้ายที่ถูกยกสูงขึ้นไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ แต่ยังให้รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสแครมเบลอร์ แผ่นเบอร์แข่งที่ติดตั้งมาพร้อมรถยังช่วยเสริมบุคลิกที่สปอร์ตและพร้อมสำหรับการผจญภัย

5 สีใหม่จากแรงบันดาลใจแคลิฟอร์เนีย

Bear 650 เปิดตัวพร้อมกับตัวเลือกสี 5 สีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศและวัฒนธรรมของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมสแครมเบลอร์

Boardwalk White เป็นสีขาวสะอาดที่ให้ความรู้สึกสดใส เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายแต่โดดเด่น Petrol Green เป็นสีเขียวที่ให้ความรู้สึกคลาสสิกและทรงพลัง Wild Honey เป็นสีเหลืองทองที่สะท้อนถึงแสงแดดแคลิฟอร์เนีย Golden Shadow เป็นสีทองเข้มที่ให้ความรู้สึกหรูหราและโดดเด่น

สีพิเศษ Two Four Nine เป็นสีที่มีความหมายเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการแสดงความเคารพต่อหมายเลข 249 ที่ Eddie Mulder ใช้ในการแข่งขัน Big Bear Run ปี 1960 สีนี้จึงมีราคาสูงกว่าสีอื่น เป็นการรำลึกถึงประวัติศาสตร์และเป็นของสะสมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวเบื้องหลัง

ระบบกันสะเทือนระดับพรีเมียม

Bear 650 ได้รับการติดตั้งระบบกันสะเทือนที่ได้มาตรฐานสูง ด้วยโช้กหน้า Showa USD (Up Side Down) แบบ Big Piston ที่มีระยะการยุบตัว 130 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยให้การขับขี่มีความนุ่มนวลและควบคุมได้ดี ทั้งในการใช้งานบนถนนและเส้นทางขรุขระ

โช้กหลังเป็นระบบ Showa Twin Tube RSU (Remote Sub-tank Unit) ที่มีระยะการยุบตัว 115 มิลลิเมตร ระบบนี้ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นใจและสามารถรองรับการใช้งานหนักได้ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องขับผ่านทางขรุขระหรือมีการกระแทก

ความสูงจากพื้นและล้อที่เหมาะสำหรับการผจญภัย

ด้วยความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 184 มิลลิเมตร Bear 650 สามารถผ่านสิ่งกีดขวางบนทางได้ดีกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในเส้นทางที่หลากหลาย

การใช้ล้อหน้าขนาด 19 นิ้วและล้อหลัง 17 นิ้ว เป็นการผสมผสานที่ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดสำหรับสแครมเบลอร์ ล้อหน้าขนาดใหญ่ช่วยให้การกลิ้งผ่านสิ่งกีดขวางเป็นไปได้ง่าย ขณะที่ล้อหลังขนาดเล็กกว่าช่วยให้การเร่งและการเบรกมีประสิทธิภาพดี

ยางแบบ Dual-Purpose เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย

ยางที่ติดตั้งมาพร้อมกับ Bear 650 เป็นยางแบบ dual-purpose ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้งานได้ดีทั้งบนถนนและนอกเส้นทาง ลายยางได้รับการออกแบบให้มีการยึดเกาะที่ดีบนพื้นผิวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนแอสฟัลต์ ทางลูกรัง หรือทางดิน

ยางเหล่านี้ยังช่วยเสริมรูปลักษณ์สแครมเบลอร์ให้กับรถ ด้วยลายบล็อกที่ดูดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยความพร้อมสำหรับการผจญภัย

เทคโนโลยีสมัยใหม่ในร่างกายคลาสสิก

แม้ว่า Bear 650 จะได้รับแรงบันดาลใจจากอดีต แต่ก็ไม่ได้ขาดเทคโนโลยีสมัยใหม่ ด้วยการติดตั้งหน้าจอ TFT (Thin Film Transistor) รุ่นล่าสุด “Tripper Dash” ที่มีการออกแบบให้ใช้งานง่ายและอ่านข้อมูลได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง

หน้าจอ Tripper Dash สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ความเร็ว รอบเครื่อง ระดับเชื้อเพลิง อุณหภูมิเครื่องยนต์ และยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth เพื่อแสดงการนำทางและควบคุมเพลงได้อีกด้วย

ปุ่มควบคุมและจอยสติ๊กที่ใช้งานง่าย

ปุ่มควบคุมบนแฮนด์จับได้รับการออกแบบด้วยวัสดุอลูมิเนียมสีดำที่ให้ความรู้สึกหรูหราและทนทาน การจัดวางปุ่มต่างๆ ได้รับการศึกษาเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน

จอยสติ๊กสำหรับควบคุมเมนูบนหน้าจอได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ ทำให้การปรับแต่งค่าต่างๆ หรือการดูข้อมูลเป็นไปได้อย่างง่ายดาย

โครงสร้างแชสซีที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น

Bear 650 ได้รับการพัฒนาโครงสร้างแชสซีให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายและหนักหน่วงกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป การเสริมความแข็งแรงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยให้การขับขี่มีความมั่นใจมากขึ้น

โครงสร้างที่แข็งแรงยังช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ส่งถึงผู้ขับขี่ ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

ตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางในไทย

การเปิดตัว Bear 650 ในประเทศไทยเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Royal Enfield ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะตลาดไทยที่มีความต้องการมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลาดมอเตอร์ไซค์สแครมเบลอร์ในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยผู้บริโภคมีความสนใจในรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในเมืองและการท่องเที่ยว Bear 650 จึงมาตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี

การบริการหลังการขายและเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย

Royal Enfield ได้เตรียมเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการที่ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการบริการได้อย่างสะดวก ทั้งการขายและการบริการหลังการขาย

บริษัทยังมีแผนจะขยายเครือข่ายการบริการเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและให้การบริการที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งาน

ราคาจำหน่ายที่แข่งขันได้ในตลาด

Bear 650 เปิดราคาจำหน่ายในประเทศไทย 5 รุ่นย่อย ดังนี้

  • Boardwalk White: 265,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
  • Petrol Green: 268,000 บาท
  • Wild Honey: 268,000 บาท
  • Golden Shadow: 268,000 บาท
  • Two Four Nine (สีพิเศษ): 272,000 บาท

ราคาดังกล่าวถือว่าแข่งขันได้ดีในตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาด 650cc โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับคุณสมบัติและอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับรถ การกำหนดราคาที่หลากหลายยังช่วยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่เหมาะสมกับง예san

สรุป

การเปิดตัว Royal Enfield Bear 650 ในประเทศไทยเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจให้กับตลาดมอเตอร์ไซค์สแครมเบลอร์ ด้วยการผสานความคลาสสิกของตำนาน Eddie Mulder เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมขุมพลัง 650cc ที่พิสูจน์แล้วว่ามีความเชื่อถือได้

รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการเดินทางในเมืองและการผจญภัยนอกเส้นทาง ด้วยราคาที่แข่งขันได้และการบริการหลังการขายที่มีมาตรฐาน Bear 650 น่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขวางในประเทศไทย