รุมถลกหนัง “เฟซบุ๊ก” วุฒิสภาสหรัฐฯเดือด! เสนอสอบสวนตามข้อกล่าวหาผู้เปิดโปง

Exclusive ไอที

วุฒิสภาสหรัฐฯ ลั่นหมดเวลาที่เฟซบุ๊กจะบุกรุกความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และหากินกับเด็ก พร้อมกล่าวหาซักเคอร์เบิร์กหวังแต่กำไร และเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ กระตุ้นหน่วยงานที่รับผิดชอบสอบสวนตามข้อกล่าวหาของผู้เปิดโปงว่า เฟซบุ๊กเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตเด็กและยั่วยุให้สังคมแตกแยก ขณะที่ตัวเจ้าพ่อเฟซบุ๊กเองโพสต์ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

ระหว่างการให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมาธิการการค้าของวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (5 ต.ค.) ฟรานเชส เฮาเกน อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ที่กลายมาเป็นผู้เปิดโปง “เฟซบุ๊ก” เรียกร้องให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียซึ่งได้รับความนิยมสุดๆรายนี้ เปิดเผยอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทโน้มน้าวให้ผู้ใช้เลื่อนดูคอนเทนต์ต่างๆ ซึ่งสร้างโอกาสมหาศาลสำหรับผู้ลงโฆษณา

เธอบอกว่า เฟซบุ๊กจะถูกมองว่า ไร้ความรับผิดชอบ ตราบที่ยังซุ่มอยู่ในเงามืดและปิดบังงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

เฮาเกนที่ลาออกจากบริษัทที่มีมูลค่าเฉียด 1 ล้านล้านดอลลาร์พร้อมเอกสารข้อมูลลับนับหมื่นฉบับ สำทับว่า ผู้นำในเฟซบุ๊กรู้วิธีทำให้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมปลอดภัยขึ้นสำหรับผู้ใช้ แต่กลับไม่ยอมทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นเพราะเห็นแก่กำไรมากกว่าผู้คน ดังนั้น รัฐสภาจึงจำเป็นต้องจัดการในเรื่องนี้

เฮาเกนย้ำข้อมูลซึ่งเธอเป็นผู้เปิดเผยเองก่อนหน้านี้ว่า เธอคือคนที่ส่งเอกสารต่างๆ ของเฟซบุ๊กที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลใช้เพื่อสืบค้นต่อ และนำมาเสนอเป็นข่าวเกรียวกราว รวมทั้งยังนำมาใช้ในการให้ปากคำต่อวุฒิสภาคราวนี้ ทั้งนี้ประเด็นสำคัญคือกรณีแฟลตฟอร์มอินสตาแกรมเป็นอันตรายต่อเด็กสาว เธอเปรียบเทียบว่า บริการสื่อสังคมไม่ต่างจากสารเสพติดอย่างบุหรี่หรือโอปิออยด์

ผู้เปิดโปงเฟซบุ๊กยังกล่าวถึงกรณีที่ระบบของเฟซบุ๊ก รวมทั้งอินสตาแกรม และวอตส์แอปล่มเมื่อคืนวันจันทร์ (4) ว่า ช่วงเวลา 5-6 ชั่วโมงนั้น เฟซบุ๊กไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยก บ่อนทำลายประชาธิปไตย และทำให้เด็กสาวและผู้หญิงรู้สึกไม่ดีกับรูปร่างของตัวเอง

พวกสมาชิกรัฐสภาพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันที่ปกติไม่ค่อยมีความเห็นลงรอยกันบ่อยนัก มาขณะนี้กลับสามัคคีกันถลกหนังเฟซบุ๊ก สะท้อนความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อเว็บไซต์สื่อสังคมยักษ์ใหญ่ที่ยังเป็นเจ้าของอินสตาแกรมและวอตส์แอปด้วย

ริชาร์ด บลูเมนทัล ประธานคณะอนุกรรมาธิการการค้าของวุฒิสภา ซึ่งเป็น ส.ว.พรรคเดโมแครต แถลงว่า เฟซบุ๊กรู้ดีว่า ผลิตภัณฑ์ของตนทำให้ผู้ใช้เสพติด และเรียกร้องให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ให้การต่อคณะอนุกรรมาธิการฯ รวมถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลาง และตอบคำถามว่า ทำไมเขาจึงปฏิเสธข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้มากขึ้น

มาร์ชา แบล็กเบิร์น วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน กล่าวหาเฟซบุ๊กเพิกเฉยปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีใช้บริการ ซึ่งฟ้องชัดเจนว่า บริษัทเห็นแก่กำไรมากกว่าภาวะที่เป็นสุขของเด็กและผู้ใช้ทั้งหมด

วุฒิสมาชิก เอ็ดเวิร์ด มาร์กี้ ประกาศว่า เวลาของเฟซบุ๊กในการบุกรุกความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และหากินกับเด็กจบลงแล้ว และคองเกรสส์จะดำเนินการกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญ อาทิ พอล บาร์เร็ตต์ รองผู้อำนวยการศูนย์สเติร์นเพื่อธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ชี้ว่า อาจเป็นไปได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรรับประกันเลยว่า การให้การของเฮาเกนจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

ทางด้านซักเคอร์เบิร์กโพสต์แก้ต่างข้อกล่าวหาของเฮาเกนบนเฟซบุ๊กว่า บริษัทมีรายได้จากโฆษณา ซึ่งผู้โฆษณาย้ำนักย้ำหนาว่า ไม่ต้องการให้โฆษณาของตนอยู่ติดกับเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือทำให้เกิดความเกลียดชัง และสำทับว่า เขาไม่รู้จักบริษัทเทคโนโลยีที่ปักหมุดสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำให้คนโกรธแค้นชิงชังหรือซึมเศร้า

ซีอีโอเฟซบุ๊กยังยืนยันว่า บริษัทจะไม่หยุดทำการวิจัยผลกระทบทางสังคม แต่คองเกรสจำเป็นต้องปรับปรุงกฎเพื่อระบุให้ชัดเจนเกี่ยวกับอายุที่วัยรุ่นสามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย วิธีตรวจสอบอายุเด็ก และจุดที่สมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวของวัยรุ่นกับการช่วยให้พ่อแม่สามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ของลูก

(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี / https://www.mgronline.com/around/detail/9640000099177)