วันที่ 27 เมษายน 2568 บรรยากาศคึกคักที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยภาษาคำเมืองช่วยหาเสียงให้นายอัศนี บูรณุปกรณ์ หรือ “นายกหน่อย” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ในนามพรรคเพื่อไทย โดยมีแกนนำและ ส.ส. พรรคเพื่อไทยผลัดกันขึ้นปราศรัย ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมงานอย่างล้นหลาม
ความหวังในการฟื้นฟูเชียงใหม่
นายทักษิณเริ่มปราศรัยด้วยความรู้สึกยินดีที่ได้พูดคำเมือง และแสดงความพร้อมในการสนับสนุนนายอัศนีอย่างเต็มที่ “ผมเชียร์เต็มที่ เพราะผมกลับมาครั้งนี้ อยากให้เชียงใหม่กลับมาสวยงามอีกครั้ง เมื่อก่อนตอนผมเป็นนายกรัฐมนตรี เชียงใหม่มันสวยงาม” เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกันทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น ทั้งรัฐบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาล เพื่อพัฒนาเชียงใหม่อย่างบูรณาการ
นายทักษิณเล่าว่า รัฐบาลมีนโยบายบ้านเพื่อคนไทย เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ดี ซึ่งโครงการนี้จะกระจายไปทั่วประเทศ “เราจะทำให้คนไทยอยู่อย่างดี” เขาย้ำ
ตอบโต้พรรคประชาชน
ในระหว่างการปราศรัย นายทักษิณไม่พลาดโอกาสวิจารณ์พรรคประชาชน ซึ่งเป็นคู่แข่งของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ “คู่แข่งของนายกหน่อยคือพรรคประชาชน แต่ผมคิดว่ามันสู้ไม่ได้” เขากล่าว
เขาวิพากษ์วิจารณ์ความเห็นของหัวหน้าพรรคประชาชนที่เคยกล่าวว่า พรรคประชาชนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยได้ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยออกมาขอโทษประชาชนที่เคยทำผิด “เขาเอาอะไรมาพูด ตอนนี้พรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกลติดหล่มอยู่กับการตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ แต่ที่ตั้งไม่ได้ โทษใครไม่ได้ต้องโทษตัวเอง เพราะเขาจะเอา 112 อยู่นั่น”
นายทักษิณอธิบายว่า ระบบการเมืองคือระบบรัฐสภา ที่ต้องรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยเปรียบเทียบกับปี 2562 ที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ “เราก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าเรารวมเสียงไม่ได้ แต่พอเขาชนะเป็นพรรคลำดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยให้โอกาส แต่รวมเสียงยังไงก็รวมไม่ได้ ส.ว. ไม่เอา ใครก็ไม่เอา เป็นคนไม่มีเพื่อน แล้วมาโทษคนอื่น”
แผนพัฒนาเชียงใหม่และปัญหาเศรษฐกิจ
นายทักษิณกล่าวถึงแผนพัฒนาเชียงใหม่ว่า ต้องการให้เชียงใหม่กลับมาเป็นจังหวัดที่สวยงามอีกครั้ง “เมื่อก่อนคนเชียงใหม่เป็นคนที่สวยที่สุดในประเทศไทย แต่ตอนนี้ความสวยหายไป เราจะต้องเอาคืนมา” เขากล่าว และเผยว่ากำลังจะจัดประกวดนางแบบที่เป็นไทยแท้ ไม่ได้ทำศัลยกรรม ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อส่งเสริมให้คนเชียงใหม่มีโอกาสไปสู่เวทีโลก
เขายังกล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจ ว่าเชียงใหม่ประสบปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งแก้ไข “คนไทยเป็นหนี้หนักตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมามีการบริหารผิดพลาด รวมถึงเจอโควิดไปด้วย ทำให้คนไทยลำบาก” เขากล่าว พร้อมอธิบายว่ารัฐบาลมีแผนซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบ “ถ้าซื้อหนี้ออกมา ก็จะมีเวลาทำมาหากิน ต้องทำให้คนไทยฟื้นตัวให้ได้ และเมื่อฟื้นตัวได้ ถ้าไม่ต้องมีหนี้เอาหนี้ไปแขวนสักระยะหนึ่ง ก็จะได้คิดออกทำมาหากินได้เต็มที่”
เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
นายทักษิณชี้แจงเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นกาสิโน “คำว่ากาสิโนไม่ใช่หัวใจหลัก เพราะมีกาสิโนอยู่แค่ไม่ถึง 10% แต่ 90% กว่าเป็นที่บันเทิง” เขาอธิบาย โดยเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่เริ่มก่อสร้างแล้ว ซึ่งการลงทุนแต่ละจุดไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท สามารถจ้างงานได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน และมีเงินเดือนประมาณ 25,000 บาท
เขาเน้นย้ำว่า กาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์จะมีกติกาสากลที่เข้มงวด ไม่เหมือนบ่อนการพนันตามชายแดน “ต้องมีการยืนยันตัวตนทางการ ที่ต้องรู้ว่าคนเล่นเป็นใคร มีรายได้มาจากไหน” เขากล่าว
ประเด็นการเมือง
ในช่วงท้ายการปราศรัย นายทักษิณได้กล่าวถึงความมั่นคงของรัฐบาลปัจจุบัน “วันนี้รัฐบาลอยู่กันดี อาจจะมีเล็กๆ น้อยๆ แต่ถึงเวลาแล้วไม่มีปัญหา รัฐบาลก็อยู่กันได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไรเลย”
เขายังตอบข้อสงสัยเรื่องการยุบสภาว่า “รัฐบาลเหลือเวลาอีก 2 ปี เชียงใหม่ทันสวยก่อนยุบสภา เพราะมีแต่คนถามมาว่ารัฐบาลจะยุบสภาแล้วหรือไม่ เลยบอกไปว่ายุบไม่ได้ รอเชียงใหม่ให้กลับมาสวยก่อน หากเชียงใหม่กลับมาสวยเมื่อไหร่ถึงตอนนั้นก็ถึงเวลาเลือกตั้งพอดี”
เรียกร้องให้เลือกนายอัศนี
นายทักษิณปิดการปราศรัยด้วยการเรียกร้องให้ประชาชนเลือกนายอัศนีในวันที่ 11 พฤษภาคม “ขอให้พี่น้องช่วยกันเลือกนายกหน่อยที่จะเป็นตัวแทนทำให้เชียงใหม่กลับมาสวยงาม อยู่แล้วรู้สึกสบาย” เขากล่าว พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาช่วยดูแลเชียงใหม่หากนายอัศนีชนะการเลือกตั้ง
“ไม่มีอะไรที่สายเกินไป เริ่มวันนี้ดีกว่าไม่ได้เริ่ม ขอให้ช่วยนายกหน่อย ผมจะได้กลับมาช่วยดูแลความเรียบร้อยของเชียงใหม่ต่อไป” นายทักษิณกล่าวทิ้งท้าย