ชัยนาท – ดรามา หนุ่มชัยนาทโพสต์เฟซ รถน้ำมันหมดขอความช่วยเหลืออาสาสมัครจุดบริการประชาชนช่วงสงกรานต์ แต่ถูกปฏิเสธ บอกให้เดินไปเอง ทั้งที่มีลูกเล็กในรถ ล่าสุด นายอำเภอสรรพยา เชิญทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้ว
จากกรณีเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งในจังหวัดชัยนาท ได้โพสต์ภาพเต็นท์บริการประชาชน ริมถนนทางหลวง 311 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท พร้อมระบุข้อความว่า “รถน้ำมันหมด..ขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครที่เต็นท์..เพราะมีเด็กเล็กมาด้วย แต่คำตอบที่ได้คือ #เดินไปเองเลย…นี่หรือน้ำใจคนสรรพยาคนบ้านเดียวกัน เรา: พี่ครับรบกวนช่วยขับรถพาไปซื้อน้ำมันหน่อยได้ไหมคับ? อาสาสมัคร.: เดินไปเองเลย เรา:????? คืองงมากแล้วจะมีเต็นท์อาสาสมัครไว้คอยช่วยเหลือเพื่อ? #อาสาสมัครเต็นท์หน้าวัดกำแพง
หลังจากโพสต์นี้เผยแพร่ออกไปได้มีคนเข้าไปแชร์จำนวนกว่า 6,000 ครั้ง และมีการแสดงความคิดเห็นมากกว่า 2,900 ความคิดเห็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการต่อว่าอาสาสมัครที่ไม่มีน้ำใจในการให้บริการประชาชน ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ควรมาเป็นอาสาสมัคร รวมถึงถ้าตั้งเต็นท์บริการประชาชนแล้วไม่บริการประชาชน ก็ไม่รู้จะตั้งมาเพื่ออะไร
ล่าสุด วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปจุดเกิดเหตุ พบว่า จุดบริการประชาชนดังกล่าวที่เคยตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดกำแพง ได้มีการรื้อเต็นท์ เก็บโต๊ะเก้าอี้ และอุปกรณ์ต่างๆไปแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นภารกิจในช่วงสงกรานต์ จึงเดินทางต่อไปที่ว่าการอำเภอสรรพยา เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว พบว่า นายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอำเภอสรรพยา ได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 คน คือ นายเอกลักษณ์ บุญยัง อายุ 43 ปี ผู้โพสต์ข้อความ และนายจรูญ สวนจุ้ย อายุ 62 ปี อปพร.เทศบาลตำบลเจ้าพระยา มาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน
เนื่องจากพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งเมื่อพูดคุยได้ประมาณ 10 นาที ทั้งคู่ก็เข้าใจ และให้อภัยซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ยังยกมือไหว้ขอโทษและสวมกอดกันอย่างชื่นมื่น ก่อนกลับบ้านยังเดินโอบเอวจูงมือเดินลงบันไดที่ว่าการอำเภอมาด้วยกัน และพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
นายเอกลักษณ์ บุญยัง กล่าวว่า ช่วงบ่ายโมงกว่าของวันที่ 16 เม.ย.65 ตนและภรรยา พร้อมด้วยลูกชายอายุขวบครึ่ง และลูกสาวอายุ 20 ปี เดินทางด้วยรถเก๋งเพื่อจะกลับบ้านที่ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา แต่เมื่อรถขับผ่านเต็นท์บริการประชาชนหน้าวัดกำแพงมาได้ประมาณ 50 เมตร รถเกิดน้ำมันหมด จึงให้ลูกเมียรออยู่ที่รถ ส่วนตนเดินย้อนกลับไปที่เต็นท์บริการเพื่อขอความช่วยเหลือ หวังให้อาสาสมัครช่วยไปซื้อน้ำมันให้
โดยที่ไม่ได้บอกกับอาสาสมัครว่ามีลูกเล็กรออยู่ในรถ แต่กลับได้รับคำตอบว่า มีปั๊มน้ำมันหลอดอยู่ห่างเต็นท์ไปประมาณ 60 เมตร ให้เดินไปซื้อเลย ด้วยความที่อากาศร้อน และต้องเดินไปซื้อน้ำมันถึง 2 เที่ยว รวมระยะทางไปกลับเกือบ 500 เมตร ประกอบกับน้อยใจว่าอาสาสมัครไม่ช่วยเหลือ จึงได้ถ่ายรูปเต็นท์บริการและโพสต์เรื่องราวดังกล่าวไปโดยไม่มีเจตนาที่จะทำให้ใครได้รับความเสียหาย แค่อยากให้อาสาสมัครมีน้ำใจช่วยเหลือประชาชนให้มากขึ้นกว่านี้ ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นความผิดของตนด้วยที่ขับรถจนน้ำมันหมด และไม่ได้บอกกับอาสาสมัครว่าตนมีลูกเล็กมาด้วย แต่หลังจากได้มาพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว ก็ขอโทษให้อภัยซึ่งกันและกัน
ขณะที่ นายจรูญ สวนจุ้ย อปพร.เทศบาลตำบลเจ้าพระยา กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่จุดบริการชุมชนบริเวณหน้าวัดกำแพง พบนายเอกลักษณ์ เดินเข้ามาบอกว่ารถน้ำมันหมด แต่ไม่ได้บอกว่ามีเด็กเล็กมาด้วย ตนเห็นว่ามีปั๊มน้ำมันหลอดอยู่ห่างออกไปจากจุดบริการไม่ไกลนัก จึงบอกให้นายเอกลักษณ์ เดินไปซื้อน้ำมันเองได้เลย เห็นนายเอกลักษณ์ เดินไปซื้อน้ำมัน 2 เที่ยว และมาทราบทีหลังว่า นายเอกลักษณ์ มีลูกเล็กและภรรยามาด้วย ตนจึงนำน้ำดื่มไปมอบให้ แล้วเดินกลับมาประจำที่เต็นท์บริการ ต่อมาจึงทราบว่ามีการเขียนเรื่องราวการไม่ให้บริการลงในเฟซบุ๊ก ตนเองยอมรับว่าเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง รู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้พาไปซื้อน้ำมัน ปฏิบัติหน้าที่นี้มา 5 ปีแล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่จากนี้จะปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีกว่านี้ จะให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกมากกว่านี้
ด้านนายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอำเภอสรรพยา เปิดเผยว่า หลังทราบเหตุ ทางอำเภอได้มีการตรวจสอบ พบว่า เกิดจากการสื่อสารที่ไม่ตรงกันจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งทั้งคู่เป็นคนอำเภอสรรพยาเหมือนกัน ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งกันมากไปกว่านี้ จึงได้เชิญทั้งคู่มาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน ซึ่งหลังพูดคุยแล้วทั้งคู่เข้าใจกันดี และยกมือไหว้ขอโทษซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องการให้บริการประชาชน ได้มีการอบรมทำความเข้าใจกับ อปพร. ในจุดบริการดังกล่าวแล้วว่าจะต้องมีใจในการให้บริการ และมีจิตอาสามากกว่านี้ เพราะการตั้งจุดบริการประชาชน คือการให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกอย่างที่สุด
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/