เหตุการณ์อันน่าตกใจเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้บนถนนบางนา-ตราด เมื่อวัตถุคล้ายก้อนคอนกรีตตกลงมาจากสะพานลอย ส่งผลให้กระจกหน้ารถของผู้ใช้ทางได้รับความเสียหาย สร้างความวิตกกังวลแก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวถึงความปลอดภัยของโครงสร้างทางพิเศษบูรพาวิถี ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ถึงสภาพความมั่นคงแข็งแรงของสะพาน และความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวและตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยสาธารณะ จึงได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนด้วยการส่งทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพโครงสร้างบริเวณที่เกิดเหตุโดยละเอียด ทั้งนี้เพื่อประเมินความเสียหายและวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ รวมถึงเพื่อหามาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต
ผลการตรวจสอบทางวิศวกรรมโดยละเอียดเผยให้เห็นข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจ ทีมวิศวกรไม่พบร่องรอยความเสียหายหรือการกะเทาะแตกหักของโครงสร้างคอนกรีตบนสะพานแต่อย่างใด โครงสร้างทางพิเศษบูรพาวิถียังคงแข็งแรงสมบูรณ์ตามมาตรฐานวิศวกรรม ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเสื่อมสภาพหรือความบกพร่องทางโครงสร้างที่อาจเป็นสาเหตุให้คอนกรีตหลุดร่วงลงมาได้
เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเหตุการณ์ดังกล่าว การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แขวงทางหลวงสมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ การสืบสวนด้วยเทคโนโลยีการเฝ้าระวังสมัยใหม่นี้ทำให้พบข้อเท็จจริงอันน่าตกใจ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเปิดเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของโครงสร้างสะพาน แต่เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์โดยตรง มีผู้ไม่หวังดีจงใจโยนก้อนปูนลงมาจากสะพานลอย ในจังหวะที่มีรถยนต์ของผู้ใช้ทางวิ่งผ่านพอดี ส่งผลให้กระจกหน้ารถได้รับความเสียหาย นับเป็นการกระทำอันเป็นอันตรายอย่างยิ่งที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงและการสูญเสียชีวิตได้
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยบนทางพิเศษ ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่นิ่งเฉยต่อการกระทำอันเป็นอันตรายเช่นนี้ โดยประกาศว่าจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งในความผิดฐานก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนและความเสียหายต่อทรัพย์สิน
นอกจากนี้ กทพ. ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน หากผู้ใช้ทางประสบเหตุการณ์ในลักษณะนี้หรือพบเห็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยบนสะพานหรือทางพิเศษ ขอความกรุณาแจ้งเหตุหรือติดต่อกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยโดยตรง ผ่านช่องทาง EXAT Call Center โทร 1543 ซึ่งให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
การแจ้งเหตุอย่างทันท่วงทีจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหายได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ทันท่วงที อันจะช่วยป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันซ้ำในอนาคต และคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ใช้ทางทุกคน
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความเอาใจใส่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยที่มีต่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้ทาง ด้วยการตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ผ่านการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียดรอบคอบ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้ยังเป็นการเตือนใจถึงความสำคัญของความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดูแลรักษาความปลอดภัยบนท้องถนน แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่การมีส่วนร่วมของประชาชนในการสอดส่องดูแลและรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือน่าสงสัย ย่อมเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันเหตุร้ายและสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ทุกคน
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอย้ำว่า ความปลอดภัยของผู้ใช้ทางคือสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญสูงสุด พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาระบบการเฝ้าระวังและการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างทางพิเศษอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ทางทุกคนจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
สุดท้ายนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน ด้วยการตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการใช้ทาง เคารพกฎจราจร และไม่กระทำการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยบนท้องถนนของเราทุกคน